มหาวิทยาลัยอังกฤษท้าทายการจัดอันดับโลกของ QS
แปล/เรียบเรียงโดย : ต้นซุง Eduzones
เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2012 ที่ผ่านมา รัฐมนตรี David Willetts แห่ง Minister of State for Universities and Science ของอังกฤษ ได้ให้ความเห็นว่าอันดับมหาวิทยาลัยโลกจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพของมหาวิทยาลัยในอังกฤษ โดยเขาให้ความเห็นว่าในอนาคตอันใกล้นี้มหาวิทยาลัยอังกฤษจะต้องชนะและขึ้นไปอยู่ในอันดับโลกของ QSและ Shanghai Jiao Tong rankings ใน 100 อันดับแรก
ความคิดริเริ่มของรัฐมนตรีเดวิดมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆของมหาวิทยาลัยในอังกฤษ โดยรัฐบาลของสหราชอาณาจักรได้ใช้ประโยชน์จากการจัดอันดับของ QS Rankings ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศของมหาวิทยาลัยอังกฤษในโปสเตอร์รณรงค์ต่างๆในช่วงการแข่งขันโอลิมปิก 2012 ซึ่งมีตัวแทนมหาวิทยาลัยท็อป 10 ของโลกในอังกฤษถึง 4 แห่ง ได้แก่ University of Cambridge ในอันดับ 1 , University of Oxford ในอันดับที่ 5, Imperial College London ในอันดับที่ 6 และ UCL (University College London) ซึ่งอยู่ในอับดับที่ 7 ของอันดับโลกโดย QS 2011
นอกจากนี้รัฐมนตรีเดวิดยังกล่าวว่ามีสำนักจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก 3 อันดับที่ใช้ระเบียบวิธีวิจัย (methodologies) ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่แตกต่างกัน แต่ท่านรัฐมนตรียังมีความพยายามที่จะผลักดันให้มหาวิทยาลัยในอังกฤษเข้าสู่ 100 อันดับโลกให้มากขึ้น
University of Cambridge (มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลก)
University of Oxford (มหาวิทยาลัยอันดับ 5 ของโลก)
Imperial College London (มหาวิทยาลัยอันดับ 6 ของโลก)
University College London (มหาวิทยาลัยอันดับ 7 ของโลก)
Professor Eric Thomas ประธานของ Universities UK ให้ความเห็นว่า “ถ้าจะเทียบเศรษฐกิจอันซบเซาของ UK ที่ไม่กระเตื้องไปไหนสักทีเป็นรถติดหล่ม มหาวิทยาลัยใน UK จะสามารถเป็นม้าลากรถนั้นขึ้นมาและไปต่อได้”
ซึ่งรัฐมนตรีเดวิดเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ เช่นการสร้างหุ้นส่วนมหาวิทยาลัยในต่างประเทศกับมหาวิทยาลัยอังกฤษเพื่อวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและความร่วมมือในหลักสูตรปริญญาโท ซึ่งนอกจากนี้ยังมีข้อเสนอของความร่วมมือในการจัดตั้งบัณฑิตวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ณ Cornell University และ the Technion-Israel Institute of Technology อีกด้วย
สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งใหม่ซึ่งกำลังดำเนินการก่อสร้างในนิวยอร์คของสหรัฐอเมริกาจากความร่วมมือของ Cornell University และ the Technion-Israel Institute of Technology
นอกจากนี้รัฐมนตรีเดวิด วิลเลตส์ยังพยายามเร่งบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการรับนักเรียนต่างชาติจากกฎระเบียบเรื่องวีซ่าเข้าประเทศอีกทั้งแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนการศึกษาจากภาคเอกชน ทั้งนี้กระทรวงยังนำเสนองานวิจัยชิ้นใหม่เกี่ยวกับตลาดแรงงานผู้สำเร็จการศึกษาโดย i-graduate ซึ่งได้สำรวจการสำเร็จการศึกษาของบัณฑิตในช่วง 30 เดือนหลังสำเร็จการศึกษา เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูล : Topuniversities.com
ขอบคุณภาพประกอบ : static.guim.co.uk, i.telegraph.co.uk, www.ucl.ac.uk, www.theepochtimes.com