20ทุนก.พ.เรียนต่างประเทศ

1. ทุนที่รับสมัคร จำนวน 2 กลุ่ม 20 ทุน กำหนดให้ไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศในสาขาวิชาที่เกี่ยวกับเรื่องที่ได้รับรางวัลในการประกวดผลงานในระดับประเทศหรือในระดับนานาชาติโดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 กลุ่มวิทยาศาสตร์ หรือวิศวกรรมศาสตร์
ไปศึกษาในระดับปริญญาโท จำนวน 10 ทุน
กลุ่มที่ 2 การออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือการออกแบบบรรจุภัณฑ์
ไปศึกษาในระดับปริญญาโท หรือประกาศนียบัตร จำนวน 10 ทุน
2. ข้อผูกพันในการรับทุน
2.1 ผู้ได้รับทุนจะต้องกลับมารับราชการในส่วนราชการที่ ก.พ. กำหนด เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 เท่าของระยะเวลาที่ได้รับทุน
2.2 กรณีที่ผู้ได้รับทุนไม่เข้ารับราชการชดใชท้ ุนตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับสำนักงาน ก.พ.นอกจากจะต้องชดใช้เงินทุนที่ได้จ่ายไปแล้วทั้งสิ้น ยังจะต้องชดใช้เงินอีก 2 เท่าของจำนวนเงินทุนดังกล่าวให้เป็นเบี้ยปรับอีกด้วย
( สำเนา )
3. คุณสมบัติของผู้สมัครคัดเลือก
ผู้มีสิทธิสมัครคัดเลือกต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
3.1 คุณสมบัติทั่วไป
3.1.1 เป็นผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 (เอกสารแนบ)
3.1.2 เป็นผู้ที่ไม่อยู่ระหว่างการรับทุนที่มีภาระผูกพันใด ๆ
3.1.3 เป็นผู้มีศีลธรรม วัฒนธรรม และความประพฤติดี
3.2 คุณสมบัติเฉพาะ
3.2.1 เป็นผู้ที่มีอายุไม่เกิน 35 ปี นับถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2550
3.2.2 เป็นผู้กำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีสุดท้ายของหลักสูตรระดับปริญญาตรี และจะต้องสำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2550 หรือสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับรางวัลที่ได้รับ
3.2.3 เป็นผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศหรือรองชนะเลิศในการประกวดผลงานในระดับประเทศหรือในระดับนานาชาติ โดยได้รับรางวัลดังกล่าวย้อนหลังไม่เกิน 3 ปี นับถึงวันที่ปิดรับสมัคร(วันที่ 13 กรกฎาคม 2550)
3.2.4 เป็นผู้ไม่เคยได้รับปริญญาโทหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่าปริญญาโทในสาขาหรือเน้นทางเดียวกับทุนที่จะไปศึกษา
4. การรับสมัครคัดเลือก
4.1 กำหนดวันรับสมัครคัดเลือก
รับสมัครคัดเลือกตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม ถึง 13 กรกฎาคม 2550 โดยผู้ประสงค์จะสมัครคัดเลือกดูรายละเอียดได้ที่ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลทุกวิทยาเขต วิทยาลัยเทคนิคทุกจังหวัด มหาวิทยาลัยทุกแห่งศูนย์ข่าวสำนักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ ซอย 4 อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี และทาง Internet พร้อมทั้งพิมพ์ใบสมัคร และแบบฟอร์มที่ใช้ในการสมัครได้ใน website ของสำนักงาน ก.พ. ที่ www.ocsc.go.th
4.2 การยื่นใบสมัครคัดเลือก
ให้ยื่นใบสมัครคัดเลือกทางไปรษณีย์เท่านั้น โดยผู้สมัครจะต้องกรอก
รายละเอียด ในใบสมัครให้ครบถ้วนและถูกต้อง ลงลายมือชื่อด้วยตนเอง แล้วส่งพร้อมเอกสาร หลักฐานต่างๆสำหรับการสมัครคัดเลือก และค่าธรรมเนียมการคัดเลือกไปยังกลุ่มงานสรรหาและเลือกสรรผู้รับทุนและผู้มีศักยภาพ ศูนย์สรรหาและเลือกสรร สำนักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ ซอย 4 อำเภอเมืองจังหวัดนนทบุรี 11000 พร้อมทั้งวงเล็บมุมซองว่า “ (สมัครคัดเลือกทุนชนะการประกวด ฯ)” ภายในวันที่
13 กรกฎาคม 2550
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. จะถือวันที่ที่ทำการไปรษณีย์ต้นทางประทับตรารับจดหมายของผู้สมัครคัดเลือกเป็นสำคัญ ใบสมัคร เอกสาร หลักฐานต่าง ๆ และค่าธรรมเนียมการคัดเลือกที่ส่งหลังวันที่ 13 กรกฎาคม 2550 จะไม่รับสมัครคัดเลือก
4.3 เอกสาร หลักฐาน และค่าธรรมเนียมการคัดเลือกที่จะต้องยื่นพร้อมใบสมัคร
(1) ใบสมัคร บัตรประจำตัวสอบ ซึ่งติดรูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก และไม่สวม
แว่นตาดำ ขนาด 1 x 1.5 นิ้ว จำนวน 2 รูป ถ่ายไว้ไม่เกิน 1 ปี นับถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2550
(2) หลักฐานการศึกษา
- สำเนาระเบียนแสดงผลการเรียนตลอดหลักสูตร (Transcript of Records)หรือใบรายงานผลการเรียนทุกภาคการศึกษาที่ผ่านมา (สำหรับผู้ที่กำลังศึกษาอยู่) จำนวน 4 ชุด
- สำเนาใบปริญญาบัตร หรือประกาศนียบัตรในระดับปริญญาตรี หรือหนังสือรับรองคุณวุฒิที่สถานศึกษาออกให้ จำนวน 4 ชุด
(3) สำเนาประกาศนียบัตร หรือหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ได้รับรางวัลชนะการประกวดผลงานในระดับประเทศหรือระดับนานาชาติ จำนวน 4 ชุด
(4) แนวความคิดของผลงานที่ชนะการประกวด (Concept Paper) และสำเนาจำนวน 4 ชุด ซึ่งประกอบด้วยหัวข้อดังนี้ (พิมพ์ด้วยกระดาษ A4 จำนวนไม่เกิน 3 หน้ากระดาษ)
- ชื่อผลงาน
- ชื่อเจ้าของผลงาน พร้อมทั้งระบุประเภทของการแข่งขัน (ในกรณีที่เป็นการ
แข่งขันประเภททีม โปรดระบุหน้าที่รับผิดชอบของตนในทีมด้วย)
- ภาพถ่ายของผลงาน
- ข้อมูลทั่วไป หลักการ วัตถุประสงค์ ประโยชน์ หรือคุณค่าของผลงาน
- ที่มาของแนวความคิด / ลักษณะพิเศษของผลงาน
(5) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ฉบับ
(6) สำเนาเอกสารอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ – นามสกุลสำเนาใบสำคัญการสมรส เป็นต้น
สำเนาเอกสารทุกฉบับ ให้ผู้สมัครสอบเขียนรับรองว่า สำเนาถูกต้อง ลงชื่อและวันที่กำกับไว้ด้วย
(7) ค่าธรรมเนียมการคัดเลือก
ผู้สมัครคัดเลือกจะต้องชำระเงินค่าธรรมเนียมการคัดเลือก หน่วยละ 100 บาทโดยให้ผู้สมัครคัดเลือกซื้อไปรษณีย์ธนาณัติเป็นค่าธรรมเนียมการคัดเลือก สั่งจ่ายปลายทาง ณ ที่ทำการ
ไปรษณีย์ดุสิต กทม. 10300 ชื่อผู้รับเงิน “สำนักงาน ก.พ.” ค่าธรรมเนียมดังกล่าว จะไม่คืนให้เมื่อได้
ประกาศรายชื่อว่าเป็นผู้สมัครคัดเลือกแล้ว
(8) ผู้สมัครที่เป็นข้าราชการพลเรือน หรือพนักงานของมหาวิทยาลัยที่เป็นส่วน
ราชการจะต้องยื่นหนังสืออนุญาตให้สมัครคัดเลือกเพื่อรับทุนรัฐบาลจากหัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัด
4.4 ผู้สมัครคัดเลือกต้องตรวจสอบและรับรองตนเองว่ามีคุณสมบัติตรงตามประกาศรับสมัครคัดเลือกจริง เมื่อคณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกได้ตรวจสอบคุณสมบัติจากเอกสารและหลักฐานแล้ว ถ้าปรากฏภายหลังว่าผู้ใดมีคุณสมบัติไม่ตรงตามประกาศรับสมัคร ก็จะถือว่าผู้นั้นขาด
คุณสมบัติในการสมัครทันที
4.5 ผู้ที่ยื่นใบสมัครคัดเลือกแล้ว จะขอถอนหรือเปลี่ยนกลุ่มที่สมัครไม่ได้
4.6 ผู้สมัครคัดเลือกมีสิทธิสมัครคัดเลือกได้คนละ 1 กลุ่ม
4.7 ผู้พิการ ทางการมองเห็น ทางการได้ยินหรือการสื่อความหมาย ทางกาย หรือ
การเคลื่อนไหว ตามกฎกระทรวงสาธารณสุข ฉบัu3610 ที่ 2 (พ.ศ. 2537) สำนักงาน ก.พ. จะพยายามจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้ในวันคัดเลือกตามที่แจ้งไว้ในใบสมัคร
4.8 สำหรับพระภิกษุสงฆ์ หรือสามเณร ไม่รับสมัคร และไม่อาจให้รับการคัดเลือกเพื่อรับทุนรัฐบาลได้ ทั้งนี้ ตามความในข้อ 6 ของคำสั่งมหาเถรสมาคม ลงวันที่ 17 มีนาคม 2538
5. การแต่งตั้งกรรมการเกี่ยวกับการคัดเลือก
5.1 ก.พ. จะแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการคัดเลือก
5.2 คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือก จะแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองผู้สมัคร และคณะกรรมการประเมินความเหมาะสมในการรับทุน
5.3 ให้คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกกำหนดวัน เวลา สถานที่คัดเลือกระเบียบและวิธีการคัดเลือก ตัดสินปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้สมัครคัดเลือก และปัญหาอื่น ๆที่เกิดขึ้นในการดำเนินการคัดเลือกที่ไม่ขัดกับประกาศรับสมัครคัดเลือก ประกาศรายชื่อผู้สมัครคัดเลือกประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการสัมภาษณ์ ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับทุน โดยให้ประธานกรรมการหรือรองประธานกรรมการ เป็นผู้ประกาศให้ผู้สมัครคัดเลือกทราบ
6. การคัดเลือกและเกณฑ์การตัดสิน
6.1 การคัดเลือกจะใช้วิธีการประเมินความเหมาะสมในการรับทุน ดังนี้
6.1.1 การกลั่นกรองผู้สมัคร จะพิจารณาจากใบสมัคร และเอกสารการสมัคร
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกกำหนด
6.1.2 การสัมภาษณ์ จะสัมภาษณ์เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในด้านต่าง ๆเช่น พื้นความรู้ที่จำเป็นสำหรับการศึกษาต่อในสาขาวิชาที่สมัคร ความสามารถทางภาษาอังกฤษความตั้งใจจริง ทัศนคติในการรับทุนและการกลับมารับราชการ ประสบการณ์ ท่วงทีวาจา อุปนิสัยอารมณ์ การปรับตัวเข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อม เชาวน์ปัญญา และบุคลิกภาพอย่างอื่น เป็นต้น โดยวิธีการสัมภาษณ์และ/หรือ โดยการพิจารณาประเมินด้วยวิธีการต่าง ๆ หลายวิธีรวมกัน (Assessment Centers)
6.2 ผู้มีสิทธิเข้ารับการสัมภาษณ์จะต้องเป็นผู้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองผู้สมัคร ซึ่งจะคัดผู้ที่เหมาะสมไว้จำนวนไม่เกิน 3 เท่าต่อ 1 ทุน ผู้ผ่านการกลั่นกรอง จะต้องไปเข้ารับการสัมภาษณ์ ตามวัน เวลา และสถานที่ที่คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกกำหนด
6.3 ผู้ผ่านการคัดเลือกให้เป็นผู้มีสิทธิได้รับทุนจะต้องได้คะแนนการสัมภาษณ์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 และได้คะแนนสัมภาษณ์สูงสุดลงมาตาu3617 ลำดับเท่าจำนวนทุนที่กำหนดม
6.4 จะประกาศรายชื่อเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับทุนเท่านั้น
6.5 ผลการคัดเลือกของคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองผู้สมัคร และคณะกรรมการ
ดำเนินการคัดเลือก ในที่นี้ให้ถือเป็นที่สุด โดยผู้สมัครจะไม่มีสิทธิขอให้ทบทวนแต่ประการใด
6.6 ทุนหน่วยใดไม่มีผู้สมัคร หรือมีผู้รับทุนไม่ครบตามจำนวน คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือก อาจพิจารณาจัดสรรทุนที่เหลือให้กับหน่วยทุนที่มีผู้ผ่านการคัดเลือกสำรองอยู่ในบัญชี
6.7 กรณีผู้มีสิทธิได้รับทุนสละสิทธิการรับทุน ถูกเพิกถอนการให้ทุน หรือขาดคุณสมบัติที่จะรับทุน จะพิจารณาให้ผู้ผ่านการคัดเลือกที่ได้คะแนนลำดับถัดไปของทุนหน่วยนั้นเป็นผู้มีสิทธิได้รับทุนแทน ทั้งนี้ ต้องภายในระยะเวลา 6 เดือน นับแต่วันประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับทุน
7. การรายงานตัวและการอบรม
ผู้มีสิทธิได้รับทุนจะต้องไปรายงานตัวและเข้ารับการอบรมตามที่สำนักงาน ก.พ. กำหนด
8. การตรวจสุขภาพและอนามัย
ผู้มีสิทธิได้รับทุนต้องไปรับการตรวจสุขภาพและอนามัยจากคณะกรรมการแพทย์ของก.พ. ตามวัน เวลา และสถานที่ที่สำนักงาน ก.พ. กำหนด ผลการตรวจสุขภาพและอนามัยของคณะกรรมการแพทย์ของ ก.พ. ในที่นี้ให้ถือเป็นที่สุด ผู้เข้ารับการตรวจสุขภาพและอนามัยจะไม่มีสิทธิขอให้ทบทวนแต่ประการใด
9. การทำสัญญา
ผู้มีสิทธิได้รับทุนต้องทำสัญญาตามแบบสัญญาที่สำนักงาน ก.พ. กำหนด ทั้งนี้จะทำสัญญาได้ต่อเมื่อมีผลการตรวจสุขภาพและอนามัยจากคณะกรรมการแพทย์ของ ก.พ. ที่ระบุว่าพร้อมที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศได้
10. การรับเงินทุน
ผู้ได้รับทุนจะได้รับเงินทุน เมื่อทำสัญญาเรียบร้อยแล้วโดยจะได้รับค่าใช้จ่าย เช่นค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินไป – กลับ ค่าใช้จ่ายเตรียมตัวก่อนเดินทาง ค่าใช้จ่ายประจำเดือน ค่าเล่าเรียนค่าหนังสือและอุปกรณ์การศึกษา ค่าคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
11. เงื่อนไขการรับทุน
11.1 ผู้ได้รับทุนที่เป็นข้าราชการพลเรือน หรือพนักงานของมหาวิทยาลัยที่เป็นส่วนราชการให้ปฏิบัติราชการชดใช้ทุนที่ต้นสังกัดเดิม
11.2 ผู้ได้รับทุนที่ไม่ได้เป็นข้าราชการจะจัดสรรให้ปฏิบัติราชการชดใช้ทุนเช่นเดียวกับนักเรียนทุนรัฐบาลที่จัดไว้เป็นทุนกลาง
12. การเพิกถอนการให้ทุน
ก.พ. จะพิจารณาเพิกถอนการให้ทุนแก่ผู้มีสิทธิได้u3619 ับทุน หากเข้ากรณีใดกรณีหนึ่ง ดังนี้
12.1 ไม่ผ่านการตรวจสุขภาพและอนามัยจากคณะกรรมการแพทย์ของ ก.พ.
12.2 กรณีเป็นผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีสุดท้ายของหลักสูตรระดับปริญญาตรีไม่สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2550
12.3 หลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงในการรายงานตัวเพื่อรับทุน การทำสัญญาหรือไม่เดินทางไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ ตามที่สำนักงาน ก.พ. กำหนด
12.4 เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือไม่อยู่ในมาตรฐาน หรือไม่เหมาะสมหรือไม่ประพฤติตนตามแนวทางที่ ก.พ. กำหนดไว้
12.5 ผู้สมัครคัดเลือกที่เป็นข้าราชการพลเรือน หรือพนักงานของมหาวิทยาลัยที่เป็นส่วนราชการที่จะต้องยื่นหนังสืออนุญาตให้สมัครคัดเลือก แต่มิได้ยื่นหนังสืออนุญาตให้สมัครคัดเลือกจาก (หัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัด)
12.6 ขาดการติดต่อกับเจ้าหน้าที่เกิน 1 ปี
12.7 มีผลคะแนนภาษาอังกฤษ ตามข้อใดข้อหนี่ง ดังต่อไปนี้
(1) ผลการสอบภาษาอังกฤษ (TOEFL) ได้คะแนนต่ำกว่า 500 (PAPERBASED)
หรือ 173 (COMPUTER-BASED) หรือผลการสอบภาษาอังกฤษ อื่น ๆ เทียบได้ต่ำกว่านี้ หรือ
(2) ผลการสอบภาษาอังกฤษไม่เป็นที่ยอมรับของสถานศึกษาที่จะไปศึกษาต่อ
(ยกเว้นทุนที่ไปศึกษาในสถาบันการศึกษาที่มิได้ใช้ผลการสอบภาษาอังกฤษในการตอบรับเข้าศึกษา)
12.8 หลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงกำหนดการเดินทางไปศึกษาต่อ เมื่อสถานศึกษาตอบรับแล้ว
12.9 ไม่ได้รับการตอบรับเข้าศึกษาจากสถานศึกษาที่จะไปศึกษาต่อ ภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ประกาศรายชื่อเป็นผู้มีสิทธิได้รับทุน