เรียนแดนจิงโจ้

มกราคม 14, 2010 by: 0
Visit 1,821 views

2หากพูดถึงนักเรียนไทยที่จะโกอินเตอร์แล้วละก็ ประเทศนี้ถือเป็นอีกหนึ่งชาติ ที่ได้รับความนิยมในการเดินทางไปเรียนต่อมากที่สุดแห่งหนึ่ง ดังนั้นก็น่าจะลองทำความเข้าใจกับเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา วิธีการสมัครเข้าเรียน การขอเข้าประเทศว่าต้องทำอย่างไร เพราะทุกอย่างต้องมีข้อมูล เพื่อพิจารณา และเตรียมตัวก่อนดำเนินการที่ถูกต้อง จะได้พบกับความราบรื่น ไม่มีปัญหาอะไร ให้เป็นอุปสรรคไงละครับ


ระบบการศึกษาของประเทศออสเตรเลีย แบ่งออกเป็น

- หลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนต่างชาติ(ELICOS)

- ระดับประถมและมัธยมศึกษา(Primary and Secondary Education)
- ระดับอาชีวศึกษา / ฝึกอบรมวิชาชีพ(Vocational Education and Training)

- ระดับอุดมศึกษา / มหาวิทยาลัย(University)

หลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนต่างชาติ(ELICOS)

สำหรับนักเรียนนานาชาติจากประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ อย่างคนไทยเรานั้น ทางออสเตรเลียมีหลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนต่างชาติ ELICOS ซึ่งย่อมาจาก English Language Intensive Course for Overseas Students ซึ่ง หลักสูตรนี้ได้มีการพัฒนาปรับปรุงเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 20 ปี จนกระทั่งปัจจุบัน นับว่าหลักสูตรภาษาอังกฤษของออสเตรเลียเป็นหลักสูตรสอนภาษาอังกฤษที่ดีที่ สุดในโลกแห่งหนึ่ง  มีการเปิดสอนทั้งในมหาวิทยาลัย สถาบันอาชีวศึกษา วิทยาลัยเอกชน รวมถึงสถาบันภาษาของเอกชน ซึ่งตั้งอยู่ในทุก ๆ เมืองใหญ่ของออสเตรเลีย
สถาบันภาษาทุกแห่งจัดให้มีการจัดสอบวัดระดับภาษาสำหรับนักเรียนต่าง ชาติ(Placement test) เพื่อจัดระดับชั้นเรียนที่เหมาะสมกับผู้เรียน วัตถุประสงค์ของการสอนภาษาอังกฤษ คือการฝึกทักษะความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ ในเรื่องของการฟัง พูด อ่าน และเขียน โดยผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนตามระดับที่เหมาะสมกับความสามารถของผู้เรียน
นอกจากนี้สถาบันภาษาเกือบทุกแห่งในออสเตรเลียจะมีบริการต่าง ๆ สำหรับนักเรียนต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นบริการหาที่พัก บริการจัดหาผู้ปกครอง(สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18) บริการรับส่งจากสนามบิน บริการแนะแนวศึกษาต่อ บริการสมัครเรียน บริการที่ปรึกษาทั้งเรื่องเรียนและเรื่องส่วนตัว บริการช่วยจัดหางาน รวมทั้งจัดกิจกรรมนอกสถานที่ และสันทนาการต่าง ๆ
สถาบันภาษาในออสเตรเลีย เปิดสอนภาษาอังกฤษหลากหลายหลักสูตรเพื่อให้ตรงต่อความต้องการของผู้เรียนได้มากที่สุด ดังนี้

- ภาษาอังกฤษทั่วไป(Gerneral English) เป็นหลักสูตรที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิต ประจำวัน โดยจะเน้นทักษะทั้ง 4 ด้าน ฟัง พูด อ่าน และเขียน หลักสูตรนี้จะแบ่งชั้นเรียนตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง

- ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อ(English for Academic Purposes) เป็นหลักสูตรที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยหรือ มหาวิทยาลัย จะเน้นทักษะด้านการเขียนรายงาน การอ่านและเขียนเชิงวิชาการ การจดบันทึกย่อ การจดคำบรรยาย การทำวิจัย สัมมนา การนำเสนอหน้าชั้น และการอภิปราย โดยส่วนมากผู้ที่จะเข้าเรียนหลักสูตรนี้ได้ต้องมีความสามารถทางภาษาอังกฤษ อยู่ในระดับกลางถึงสูง เทียบเท่ากับ IELTS 4.5-5.0 หรือ TOEFL 480-500
- ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อโดยตรง(Direct Entry English Program) เป็นหลักสูตรที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยไม่ต้องสอบ IELTS อีก โดยหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่กำลังเป็นที่นิยมสำหรับนักเรียนไทยที่ต้องการ ไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นปริญญาตรี โท หรือเอก ซึ่งเนื้อหาของหลักสูตรจะใกล้เคียงกับหลักสูตรเชิงวิชาการ ผู้ที่จะเข้าเรียนจะต้องมีผลของภาษาอังกฤษ(IELTS หรือ TOEFL) หรือสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ(Placement Test) กับทางสถาบันภาษาโดยตรง เมื่อผู้เรียนสำเร็จการศึกษาในหลักสูตรนี้ และมีผลการเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ก็จะมีสิทธิเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้ ส่วนมากสถาบันภาษาแต่ละที่จะมีข้อตกลงกับมหาวิทยาลัยที่แตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนการสมัครเข้าเรียน ผู้เรียนควรตรวจสอบให้มั่นใจก่อนว่าสถาบันภาษาที่ตนจะลงเรียนนั้น เมื่อเรียนจบแล้วสามารถเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยใดได้บ้าง และมีเงื่อนไขการผ่านเกณฑ์การศึกษาอย่างไร
- ภาษาอังกฤษธุรกิจ(Business English) เป็นหลักสูตรที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมุ่งเน้นภาษาเพื่อใช้ในโลกของ ธุรกิจ เนื้อหาของหลักสูตรจะสอนเกี่ยวกับการเขียนจดหมายโต้ตอบทางธุรกิจ การเขียนรายงาน บันทึกช่วยจำ การเขียนเสนอโครงการ การนำเสนอในที่ประชุม เป็นต้น
- ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อในระดับมัธยม(English for High School Prepatation) เป็นหลักสูตรสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าเรียนในระดับมัธยมศึกษาของประเทศ ออสเตรเลีย เนื้อหาของหลักสูตรเน้นด้านการพัฒนาภาษาอังกฤษ และทักษะที่ต้องใช้สำหรับการเรียนในระดับมัธยมศึกษา นอกจากนี้ยังมีการสอนเกี่ยวกับเนื้อหาทางวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สังคมศึกษาเป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อที่จะได้ปรับตัวเข้ากับสังคมการเรียนในระดับมัธยมศึกษาของประเทศ ออสเตรเลียต่อไป
- ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยวและทัศนศึกษา(Study Tour/Holiday English) เป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษที่มีความยืดหยุ่น และมีระยะเวลาในการเรียนสั้น ๆ ประมาณ 2-6 สัปดาห์ เป็นการเรียนภาษาอังกฤษไปพร้อม ๆ กับการท่องเที่ยวประเทศออสเตรเลีย หรือการทำกิจกรรมสันทนาการอื่น ๆ
- นอกจากนี้สถาบันภาษาหลายแห่ง ยังเปิดหลักสูตรภาษาพิเศษอื่น ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนต่างชาติอีกมากมาย

ระดับประถมและมัธยมศึกษา(Primary and Secondary Education)

โรงเรียนระดับประถมและมัธยมศึกษาในประเทศออสเตรเลีย มีทั้งที่เป็นของรัฐบาลและเอกชน แบบประจำและไปกลับ รวมไปถึงชายล้วน หญิงล้วน หรือแบบสหศึกษา การศึกษาในระดับประถมศึกษา(Year 1-6) และระดับมัธยมศึกษา(Year 7-12) จะอยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละรัฐ โดยทั่วไปโรงเรียนเหล่านี้จะรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนตั้งแต่ Year 7 หรือเทียบเท่ากับ ม.1 ในประเทศไทย ส่วนในระดับประถมศึกษาจะพิจารณาเป็นกรณีไป นักเรียนต่างชาติที่จะเข้าเรียนในระดับนี้ต้องผ่านการเรียนภาษาอังกฤษ หรือการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษให้ผ่านตามเกณฑ์ที่ทางโรงเรียนกำหนดไว้ ที่ประเทศออสเตรเลียไม่มีระบบเอ็นทรานซ์ ดังนั้นการคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย จะคัดเลือกจากผลการเรียนของนักเรียนในช่วง 2 ปีสุดท้าย คือใน Year 11 และ
Year 12bbbbbbbbbbbb

ระดับอาชีวศึกษา / ฝึกอบรมวิชาชีพ(Vocational Education and Training)

หลักสูตรอาชีวศึกษามีทั้งที่เป็นสถาบันของรัฐบาลที่เรียกว่า TAFE(Technical And Further Education) และ ที่เป็นวิทยาลัยเอกชน(Private College) โดยหลักสูตรจะเน้นทางด้านวิชาชีพ มีการฝึกปฎิบัติมากกว่าทางด้านทฤษฎี เพื่อที่จะสามารถนำสิ่งที่เรียนไปใช้เมื่อต้องทำงานจริง มีสาขาวิชาให้เลือกหลากหลายเช่น การโรงแรม ธุรกิจ คอมพิวเตอร์ ออกแบบทั่วไป แล้วจะเปิดสอนในหลักสูตรต่อไปนี้
ประกาศนียบัตรระดับ 1-4(Certificate I-IV) ใช้เวลาเรียนตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี เป็นการเรียนที่เน้นการปฎิบัติการและปูพื้นฐานสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อในสาขาเฉพาะต่อไป
อนุปริญญา(Diploma) ใช้เวลาเรียนประมาณ 2 ปี เนื้อหาการเรียนจะครอบคลุมทั้งระดับปฎิบัติและการวางแผน และเป็นหลักสูตรพื้นฐานสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อในระดับปริญญาตรี เพราะสามารถเทียบโอนหน่วยกิตเพื่อเข้าเรียนในระดับปริญญาตรีได้
อนุปริญญาชั้นสูง(Advanced Diploma) ใช้เวลาเรียนประมาณ 2-2.5 ปี เนื้อหาหลักสูตรจะเพิ่มเติมจากการเรียนในระดับอนุปริญญา และผู้เรียนสามารถเทียบโอนหน่วยกิตที่จะเข้าเรียนปริญญาตรีได้มากกว่า

ระดับอุดมศึกษา / มหาวิทยาลัย(University)

ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยในประเทศออสเตรเลียรวมทั้งสิ้น 41 แห่ง เป็นมหาวิทยาลัยที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล 38 แห่ง ส่วนอีก 3 แห่งเป็นมหาวิทยาลัยของเอกชน ซึ่งมหาวิทยาลัยทั้งหมดได้รับการรับรองวิทยฐานะจากก.พ. ส่วนใหญ่จะเปิดสอนในระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก โดยคำนึงถึงคุณภาพการเรียนการสอน วิทยาการใหม่ ๆ และความต้องการของตลาดแรงงาน มีสาขาวิชาให้เลือกเรียนหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นด้านบริหาร ธุรกิจ การจัดการ เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ศิลปะศาสตร์ สังคมศาสตร์ และสาขาอื่น ๆ อีกมากมาย…



ปริญญาตรี (Bachelor Degree) เป็น หลักสูตรที่ใช้เวลาเรียนเฉลี่ย 3 ปี ขึ้นอยู่กับสาขาที่เลือกเรียน นักเรียนไทยที่จบชั้น ม. 6 และต้องการเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย ถ้าเป็นคนที่มีผลการเรียนดีมาก อาจจะได้รับพิจารณาให้เข้าเรียนได้เลย แต่หลายมหาวิทยาลัยเลือกรับเฉพาะคนที่เรียนจบมหาวิทยาลัยปี 1 มาแล้วเท่านั้น หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือ  การเข้าเรียนในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( Foundation Studies) ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เตรียมความพร้อมสำหรับนักเรียนต่างชาติเป็นระยะเวลา ตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี เมื่อสอบผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด ก็สามารถเข้าเรียนต่อได้ในระดับปริญญาตรีได้ทันที


ปริญญาตรีเกียรตินิยม ( Bachelor Degree with Honours ) เป็น หลักสูตรที่ใช้เวลาเรียนเพิ่มจากการเรียนปริญญาตรีปกติอีก 1 ปี เนื้อหาของหลักสูตรจะมีทั้งการบรรยายและการทำวิทยานิพนธ์ คนที่เรียนจบหลักสูตรนี้ด้วยผลการเรียนในระดับดีและได้เกียรตินิยมอันดับ หนึ่ง จะได้รับการรับรองวุฒิเทียบเท่าปริญญาโท  และเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาเอกได้ทันที


ประกาศนียบัตรบัณฑิต ( Graduate Certificate ) เป็น หลักสูตรที่ใช้เวลาเรียน 6 เดือน โดยที่เรียนเฉพาะด้าน สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพิ่มเติมในสาขาวิชาที่แตกต่างไปจากตอนที่ เรียนปริญญาตรี หรือนักเรียนต่างชาติที่ต้องการเรียนต่อในระดับปริญญาโทแล้วยังขาดคุณสมบัติ อยู่ก็จะลงเรียนในหลักสูตรนี้ก่อนเพื่อประเมินผลว่าจะสามารถเรียนต่อในระดับ ปริญญาโทได้หรือไม่


อนุปริญญาโท ( Graduate Diploma ) เป็น หลักสูตรที่ใช้เวลาเรียนตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปีเน้นความรู้เฉพาะด้าน มีหลายมหาวิทยาลัยที่กำหนดให้หลักสูตรนี้เป็นการศึกษาปีแรกในระดับปริญญาโท การเรียนในหลักสูตรนี้จะมีทังการเข้าฟังบรรยายและอาจจะให้ทำ  Project  หรือ ฝึกภาคปฏิบัติในบางสาขาวิชา


ปริญญาโท ( Master Degree ) เป็น หลักสูตรที่ใช้เวลาเรียน 1- 2 ปี ขึ้นอยู่กับสาขาวิชาและมหาวิทยาลัย การเรียนในระดับปริญญาโทมีให้เลือกเรียน ทั้งแบบ  Coursework  ซึ่งเป็นการเรียนแบบเข้าฟังคำบรรยาย โดยไม่ต้องทำวิจัย บางสาขาอาจกำหนดให้มีการทำวิจัยเป็นส่วนประกอบเหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่มี ประสบการณ์ทำงาน หรือไม่มีพื้นฐานการเรียนสาขานั้นๆมาก่อน และแบบ  Research  เป็นการเรียนแบบทำวิทยานิพนธ์ ผู้ที่เรียนแบบนี้ควรจะมีพื้นฐานการทำวิจัย และพื้นฐานของทฤษฎีในสาขาที่ทำวิจัยเป็นอย่างดี เพราะการเรียนแบบนี้มีความจำเป็นที่ต้องพึ่งตัวเองสูงมาก


ปริญญาเอก (  Doctoral Degree,Ph.D. ) เป็น หลักสูตรที่ใช้เวลาเรียนประมาณ 3 – 5 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและปัจจัยหลายๆอย่าง การเรียนในระดับนี้จะเน้นการทำวิจัยเป็นหลัก ผู้ที่เรียนควรจะมีพื้นฐานการทำวิจัยและพื้นฐานของทฤษฎีในเรื่องที่เรียน เป็นอย่างดี  แต่ในปัจจุบันนี้นอกจากการเรียนแบบวิจัยแล้ว มีหลายมหาวิทยาลัยเปิดให้เรียนในระดับปริญญาเอกแบบที่เป็นการเรียน  Coursework  ในช่วงแรกแล้วค่อยทำวิจัยในช่วงหลัง และยังมีหลักสูตร  DBA  ซึ่งเป็นหลักสูตรปริญญาเอกทางด้านบริหารธุรกิจ ที่จะรับเฉพาะผู้ที่เรียนจบ MBA  และ มีประสบการณ์ทำงานมาแล้วเท่านั้น สำหรับการเรียนปริญญาเอกแบบทำวิจัย ผู้เรียนต้องเสนอโครงร่างการทำวิจัย  ( Research Proposal ) และติดต่ออาจารย์ของมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะให้เป็นที่ปรึกษา ก่อนที่จะทำเรื่องสมัครเข้าเรียน เพราะการพิจารณาใบสมัครจะพิจารณาจากหัวข้อในการทำวิจัยเป็นสำคัญ


สำหรับเงื่อนไขการรับสมัครเข้า เรียนในระดับอุดมศึกษานั้น เกณฑ์ที่จะใช้พิจารณาคือ ผลภาษาอังกฤษ  ผลการเรียนเฉลี่ย ( GPA ) แต่ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก บางสาขาวิชาอาจพิจารณาจากประสบการณ์ทำงานประกอบด้วย โดยเงื่อนไขเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยว่าจะกำหนดเอาไว้อย่างไร


วีซ่านักเรียน
ประเทศออสเตรเลียกำหนดให้ผู้ที่ลงทะเบียนเรียนเกิน 10 สัปดาห์ จำเป็นต้องยื่นขอวีซ่านักเรียน โดยที่จะต้องลงทะเบียนแบบเต็มเวลากับสถาบันการศึกษาที่ได้รับการรับรองจาก รัฐบาลออสเตรเลียแล้วเท่านั้น จึงจะมีสิทธ์ได้รับการอนุมัติวีซ่าจากทางสถานทูต


เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นวีซ่านักเรียน
1.      แบบฟอร์ม 157 A ( ขอรับได้ที่  lnsight  ) กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน


2.     เอกสารยืนยันการชำระเงิน (  Electronic Confirmatoin  of  Enrolment – eCoE )


1.       รูปถ่ายหน้าตรง  2  นิ้ว จำนวน  3  รูป ถ่ายไม่เกิน  6  เดือน ( สำหรับแบบฟอร์ม 157A 1 รูป และแบบฟอร์มตรวจสุขภาพ  2  รูป )


2.       พาสปอร์ตตัวจริง ( หากมีเล่มเก่าให้นำมาด้วย ) ต้องมีอายุเหลือเกิน  6 เดือน


3.       สำเนาใบเสร็จการตรวจสุขภาพ


4.       สำหรับนักเรียนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องมีหนังสือยินยอม (  Letter of Consent  ) จากบิดาและมารดา พร้อมสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารยืนยันเรื่องผู้ปกครองที่ออสเตรเลียและที่พักจากสถาบัน


5.       หลักฐานส่วนตัวของนักเรียน


- สูติบัตรตัวจริง พร้อมสำเนา


– บัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน พร้อมสำเนา


– Transcripts  ตัวจริงทุกใบพร้อมสำเนา


– สำหรับผู้ชาย เอกสารการเกณฑ์ทหาร หรือเอกสารการรับรองการเรียน ร.ด. พร้อมสำเนา


– ใบสำคัญอื่นๆตัวจริง เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล ใบทะเบียนสมรสพร้อมสำเนา


– กรณีเคยสอบ IELTS หรือ TOEFLให้แนบผลภาษาอังกฤษตัวจริงพร้อมสำเนา


– กรณีเคยเรียนเพิ่มเติม ให้แนบใบรับรองจากทางสถาบันนั้นๆ มาด้วย


– กรณีทำงาน ให้แนบใบผ่านงานตัวจริงระบุวันเริ่มงานจนถึงวันสิ้นสุดงาน และตำแหน่งของทุกแห่งที่เคยทำ พร้อมสำเนา ( ถ้านักเรียนทำงานในบริษัทของที่บ้านหรือของญาติให้แนบ ”สำเนาทะเบียนบ้านการค้าของบริษัท” 1 ชุด )


6. หลักฐานการเงิน

สำเนาสมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน นับจากเดือนที่ยื่นขอวีซ่า และใบรับรองฐานะการเงินจากธนาคาร ในกรณีที่บัญชีค้ำประกันเป็นบัญชีของบริษัท ให้นำ  “สำเนาทะเบียนบ้านการค้าของบริษัท”และจดหมายรับรองจากทางบริษัทว่าต้องการ ค้ำประกันผู้ยื่นวีซ่า ( โดยพิมพ์ด้วยหัวจดหมายบริษัท และลงประทับตราบริษัท )


7. ค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียน

ค่าธรรมเนียม  13,550 บาท จ่ายเป็นแคชเชียร์เช็ค หรือแบงค์ดราฟท์เท่านั้น ในนาม “ Australian Embassy Bangkok  “ และค่าธรรมเนียมการยื่นขอวีซ่า (รวมภาษี ) 428  บาท จ่ายเป็นเงินสด


การขอวีซ่าจะยื่นผ่านทาง  VFS  ตั้งอยู่ที่  อาคารไทย  ซีซี  ชั้น 32 ถนนสาธรใต้ ตั้งแต่เวลา  8.30- 15.00 น.( ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอวีซ่า www.vfs.co.th )


หมายเหตุ                     1) สำเนาเอกสารทุกฉบับให้เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง


2) ระยะดำเนินขอวีซ่าอย่างต่ำ 10 วัน ( หากมีปัญหาทางด้านสุขภาพอาจใช้เวลานานกว่านี้ )


3) ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าอาจมีการเปลี่ยนแปลง


ยื่นวีซ่าออนไลน์ ( e – Visa  )

ทางเลือกใหม่สำหรับนักเรียนที่ต้อง การยื่นวีซ่านักเรียนเพื่อไปเรียนต่อออสเตรเลีย  lnsight Education Consulting   ได้รับมอบหมายจากสถาทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยให้เป็นตัวแทนในการดำเนิน เรื่องสมัคร e – Visa ให้กับนักเรียนได้  โดยนักเรียนสามารถนำหลักฐานข้างต้นมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ของ  lnsight  โดยค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียนต้องชำระเป็นบัตรเครดิตเท่านั้น ในอัตรา  AUD $ 410  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยื่น  e – Visa ได้ที่ lnsight


ตัวเลขสำคัญในวีซ่านักเรียน
เมื่อได้รับวีซ่านักเรียนแล้ว สิ่งหนึ่งที่ควรรู้คือ ความหมายของตัวเลขแต่ละตัว ซึ่งผู้ที่ถือวีซ่าจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ทางสถานทูตกำหนดไว้อย่าง เคร่งครัด หากฝ่าฝืน วีซ่านักเรียนอาจจะถูกยกเลิกโดยไม่ต้องมีการบอกล่วงหน้า เงื่อนไขของวีซ่านักเรียนที่ควรทราบ มีดังนี้


8101          : หมายถึงผู้ที่ถือวีซ่านี้ไม่สามารถทำงานได้


8150          : หมายถึงผู้ที่ถือวีซ่าสามารถทำงานได้แต่ไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ระหว่างภาคการศึกษา และ 40       ชั่วโมงระหว่างปิดภาคการศึกษา


8202          : หมายถึงผู้ที่ถือวีซ่านี้ต้องเข้าเรียนไม่ต่ำกว่า 80% ของเวลาเรียน ถ้ามีการลาจะต้องยื่นใบรับรอง แพทย์เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อเวลาเรียน ผลการเรียนต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนด ถ้าสอบไม่ผ่านจะมีผลต่อการขอวีซ่าครั้งต่อไป


8206        : ห้ามเปลี่ยนสถาบันที่เรียนตลอดระยะเวลาที่ลงทะเบียนเรียนเอาไว้ ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงที่เรียนโดยที่ยังไม่ถึง 1 ปี ต้องแจ้งให้ทางสถาบันรับทราบถึงเหตุผลของการลาออก พร้อมขอจดหมายลาออกและ  Record of attendance  เพื่อที่นักเรียนจะได้ใช้เป็นเอกสารในการขอวีซ่าครั้งต่อไป


8501     : นักเรียนต้องมีประกันสุขภาพ (  OSHC  ) ที่ครอบคลุมตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่ออสเตรเลีย


8533     :  ต้องแจ้งที่อยู่ปัจจุบันที่ออสเตรเลียให้ทางสถาบันการศึกษา , DLMLA   และบริษัทประกันสุขภาพ และหากมีการย้ายที่อยู่จะต้องแจ้งกับ หน่วยงานดังกล่าวภายใน 7 วัน


ประกันสุขภาพ ( OSHC )

ทางรัฐบาลออสเตรเลียกำหนดให้นัก เรียนต่างชาติที่จะเข้าไปเรียนต่อ ทำประกันสุขภาพตลอดระยะเวลาที่ระบุไว้ในวีซ่า เรียกว่า  Overseas Student Health Cover  ( OSHC ) เพื่อให้นักเรียนได้รับการคุ้มครองด้านสุขภาพ หากเกิดเจ็บป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุในระหว่างที่อยู่ในประเทศออสเตรเลียโดย ต้องชำระเบี้ยประกันพร้อมกับการชำระค่าเล่าเรียน ซึ่งรายละเอียดของการชำระเบี้ยประกันนั้นจะปรากฎอยู่ในใบตอบรับจากสถาบันการ ศึกษาที่นักเรียนเลือก หากว่ายังไม่ได้จัดการเรื่องประกันสุขภาพจะไม่มีสิทธิ์ได้รับวีซ่าให้ผ่าน เข้าประเทศออสเตรเลีย



บริษัทประกันสุขภาพที่จะสามารถ ให้ประกันสุขภาพได้นั้น ต้องมีสัญญาไว้กับรัฐบาลออสเตรเลีย และสถาบันการศึกษาจะเป็นผู้เลือกว่าจะใช้ประกันสุขภาพของบริษัทใด โดยส่วนใหญ่แล้วสถาบันการศึกษาจะเลือก Medibank Private และ Worldcare   ASSIST ให้เป็นผู้ดูแล


About Auther : bowing  (420 Posts)


Share this Story

Comments are closed.

Translation

Englishภาษาไทย

คำค้น