เรียนแดนจิงโจ้
มกราคม 14, 2010
by: bowing
Visit 1,813 views
หากพูดถึงนักเรียนไทยที่จะโกอินเตอร์แล้วละก็ ประเทศนี้ถือเป็นอีกหนึ่งชาติ ที่ได้รับความนิยมในการเดินทางไปเรียนต่อมากที่สุดแห่งหนึ่ง ดังนั้นก็น่าจะลองทำความเข้าใจกับเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา วิธีการสมัครเข้าเรียน การขอเข้าประเทศว่าต้องทำอย่างไร เพราะทุกอย่างต้องมีข้อมูล เพื่อพิจารณา และเตรียมตัวก่อนดำเนินการที่ถูกต้อง จะได้พบกับความราบรื่น ไม่มีปัญหาอะไร ให้เป็นอุปสรรคไงละครับ
ระบบการศึกษาของประเทศออสเตรเลีย แบ่งออกเป็น
- หลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนต่างชาติ(ELICOS)
- ระดับประถมและมัธยมศึกษา(Primary and Secondary Education)
- ระดับอาชีวศึกษา / ฝึกอบรมวิชาชีพ(Vocational Education and Training)
- ระดับอุดมศึกษา / มหาวิทยาลัย(University)
หลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนต่างชาติ(ELICOS)
สำหรับนักเรียนนานาชาติจากประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ อย่างคนไทยเรานั้น ทางออสเตรเลียมีหลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนต่างชาติ ELICOS ซึ่งย่อมาจาก English Language Intensive Course for Overseas Students ซึ่ง หลักสูตรนี้ได้มีการพัฒนาปรับปรุงเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 20 ปี จนกระทั่งปัจจุบัน นับว่าหลักสูตรภาษาอังกฤษของออสเตรเลียเป็นหลักสูตรสอนภาษาอังกฤษที่ดีที่ สุดในโลกแห่งหนึ่ง มีการเปิดสอนทั้งในมหาวิทยาลัย สถาบันอาชีวศึกษา วิทยาลัยเอกชน รวมถึงสถาบันภาษาของเอกชน ซึ่งตั้งอยู่ในทุก ๆ เมืองใหญ่ของออสเตรเลีย
สถาบันภาษาทุกแห่งจัดให้มีการจัดสอบวัดระดับภาษาสำหรับนักเรียนต่าง ชาติ(Placement test) เพื่อจัดระดับชั้นเรียนที่เหมาะสมกับผู้เรียน วัตถุประสงค์ของการสอนภาษาอังกฤษ คือการฝึกทักษะความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ ในเรื่องของการฟัง พูด อ่าน และเขียน โดยผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนตามระดับที่เหมาะสมกับความสามารถของผู้เรียน
นอกจากนี้สถาบันภาษาเกือบทุกแห่งในออสเตรเลียจะมีบริการต่าง ๆ สำหรับนักเรียนต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นบริการหาที่พัก บริการจัดหาผู้ปกครอง(สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18) บริการรับส่งจากสนามบิน บริการแนะแนวศึกษาต่อ บริการสมัครเรียน บริการที่ปรึกษาทั้งเรื่องเรียนและเรื่องส่วนตัว บริการช่วยจัดหางาน รวมทั้งจัดกิจกรรมนอกสถานที่ และสันทนาการต่าง ๆ
สถาบันภาษาในออสเตรเลีย เปิดสอนภาษาอังกฤษหลากหลายหลักสูตรเพื่อให้ตรงต่อความต้องการของผู้เรียนได้มากที่สุด ดังนี้
- ภาษาอังกฤษทั่วไป(Gerneral English) เป็นหลักสูตรที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิต ประจำวัน โดยจะเน้นทักษะทั้ง 4 ด้าน ฟัง พูด อ่าน และเขียน หลักสูตรนี้จะแบ่งชั้นเรียนตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง
- ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อ(English for Academic Purposes) เป็นหลักสูตรที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยหรือ มหาวิทยาลัย จะเน้นทักษะด้านการเขียนรายงาน การอ่านและเขียนเชิงวิชาการ การจดบันทึกย่อ การจดคำบรรยาย การทำวิจัย สัมมนา การนำเสนอหน้าชั้น และการอภิปราย โดยส่วนมากผู้ที่จะเข้าเรียนหลักสูตรนี้ได้ต้องมีความสามารถทางภาษาอังกฤษ อยู่ในระดับกลางถึงสูง เทียบเท่ากับ IELTS 4.5-5.0 หรือ TOEFL 480-500
- ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อโดยตรง(Direct Entry English Program) เป็นหลักสูตรที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยไม่ต้องสอบ IELTS อีก โดยหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่กำลังเป็นที่นิยมสำหรับนักเรียนไทยที่ต้องการ ไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นปริญญาตรี โท หรือเอก ซึ่งเนื้อหาของหลักสูตรจะใกล้เคียงกับหลักสูตรเชิงวิชาการ ผู้ที่จะเข้าเรียนจะต้องมีผลของภาษาอังกฤษ(IELTS หรือ TOEFL) หรือสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ(Placement Test) กับทางสถาบันภาษาโดยตรง เมื่อผู้เรียนสำเร็จการศึกษาในหลักสูตรนี้ และมีผลการเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ก็จะมีสิทธิเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้ ส่วนมากสถาบันภาษาแต่ละที่จะมีข้อตกลงกับมหาวิทยาลัยที่แตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนการสมัครเข้าเรียน ผู้เรียนควรตรวจสอบให้มั่นใจก่อนว่าสถาบันภาษาที่ตนจะลงเรียนนั้น เมื่อเรียนจบแล้วสามารถเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยใดได้บ้าง และมีเงื่อนไขการผ่านเกณฑ์การศึกษาอย่างไร
- ภาษาอังกฤษธุรกิจ(Business English) เป็นหลักสูตรที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมุ่งเน้นภาษาเพื่อใช้ในโลกของ ธุรกิจ เนื้อหาของหลักสูตรจะสอนเกี่ยวกับการเขียนจดหมายโต้ตอบทางธุรกิจ การเขียนรายงาน บันทึกช่วยจำ การเขียนเสนอโครงการ การนำเสนอในที่ประชุม เป็นต้น
- ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อในระดับมัธยม(English for High School Prepatation) เป็นหลักสูตรสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าเรียนในระดับมัธยมศึกษาของประเทศ ออสเตรเลีย เนื้อหาของหลักสูตรเน้นด้านการพัฒนาภาษาอังกฤษ และทักษะที่ต้องใช้สำหรับการเรียนในระดับมัธยมศึกษา นอกจากนี้ยังมีการสอนเกี่ยวกับเนื้อหาทางวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สังคมศึกษาเป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อที่จะได้ปรับตัวเข้ากับสังคมการเรียนในระดับมัธยมศึกษาของประเทศ ออสเตรเลียต่อไป
- ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยวและทัศนศึกษา(Study Tour/Holiday English) เป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษที่มีความยืดหยุ่น และมีระยะเวลาในการเรียนสั้น ๆ ประมาณ 2-6 สัปดาห์ เป็นการเรียนภาษาอังกฤษไปพร้อม ๆ กับการท่องเที่ยวประเทศออสเตรเลีย หรือการทำกิจกรรมสันทนาการอื่น ๆ
- นอกจากนี้สถาบันภาษาหลายแห่ง ยังเปิดหลักสูตรภาษาพิเศษอื่น ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนต่างชาติอีกมากมาย
ระดับประถมและมัธยมศึกษา(Primary and Secondary Education)
โรงเรียนระดับประถมและมัธยมศึกษาในประเทศออสเตรเลีย มีทั้งที่เป็นของรัฐบาลและเอกชน แบบประจำและไปกลับ รวมไปถึงชายล้วน หญิงล้วน หรือแบบสหศึกษา การศึกษาในระดับประถมศึกษา(Year 1-6) และระดับมัธยมศึกษา(Year 7-12) จะอยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละรัฐ โดยทั่วไปโรงเรียนเหล่านี้จะรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนตั้งแต่ Year 7 หรือเทียบเท่ากับ ม.1 ในประเทศไทย ส่วนในระดับประถมศึกษาจะพิจารณาเป็นกรณีไป นักเรียนต่างชาติที่จะเข้าเรียนในระดับนี้ต้องผ่านการเรียนภาษาอังกฤษ หรือการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษให้ผ่านตามเกณฑ์ที่ทางโรงเรียนกำหนดไว้ ที่ประเทศออสเตรเลียไม่มีระบบเอ็นทรานซ์ ดังนั้นการคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย จะคัดเลือกจากผลการเรียนของนักเรียนในช่วง 2 ปีสุดท้าย คือใน Year 11 และ
Year 12bbbbbbbbbbbb
ระดับอาชีวศึกษา / ฝึกอบรมวิชาชีพ(Vocational Education and Training)
หลักสูตรอาชีวศึกษามีทั้งที่เป็นสถาบันของรัฐบาลที่เรียกว่า TAFE(Technical And Further Education) และ ที่เป็นวิทยาลัยเอกชน(Private College) โดยหลักสูตรจะเน้นทางด้านวิชาชีพ มีการฝึกปฎิบัติมากกว่าทางด้านทฤษฎี เพื่อที่จะสามารถนำสิ่งที่เรียนไปใช้เมื่อต้องทำงานจริง มีสาขาวิชาให้เลือกหลากหลายเช่น การโรงแรม ธุรกิจ คอมพิวเตอร์ ออกแบบทั่วไป แล้วจะเปิดสอนในหลักสูตรต่อไปนี้
ประกาศนียบัตรระดับ 1-4(Certificate I-IV) ใช้เวลาเรียนตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี เป็นการเรียนที่เน้นการปฎิบัติการและปูพื้นฐานสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อในสาขาเฉพาะต่อไป
อนุปริญญา(Diploma) ใช้เวลาเรียนประมาณ 2 ปี เนื้อหาการเรียนจะครอบคลุมทั้งระดับปฎิบัติและการวางแผน และเป็นหลักสูตรพื้นฐานสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อในระดับปริญญาตรี เพราะสามารถเทียบโอนหน่วยกิตเพื่อเข้าเรียนในระดับปริญญาตรีได้
อนุปริญญาชั้นสูง(Advanced Diploma) ใช้เวลาเรียนประมาณ 2-2.5 ปี เนื้อหาหลักสูตรจะเพิ่มเติมจากการเรียนในระดับอนุปริญญา และผู้เรียนสามารถเทียบโอนหน่วยกิตที่จะเข้าเรียนปริญญาตรีได้มากกว่า
ระดับอุดมศึกษา / มหาวิทยาลัย(University)
ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยในประเทศออสเตรเลียรวมทั้งสิ้น 41 แห่ง เป็นมหาวิทยาลัยที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล 38 แห่ง ส่วนอีก 3 แห่งเป็นมหาวิทยาลัยของเอกชน ซึ่งมหาวิทยาลัยทั้งหมดได้รับการรับรองวิทยฐานะจากก.พ. ส่วนใหญ่จะเปิดสอนในระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก โดยคำนึงถึงคุณภาพการเรียนการสอน วิทยาการใหม่ ๆ และความต้องการของตลาดแรงงาน มีสาขาวิชาให้เลือกเรียนหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นด้านบริหาร ธุรกิจ การจัดการ เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ศิลปะศาสตร์ สังคมศาสตร์ และสาขาอื่น ๆ อีกมากมาย…
ปริญญาตรี (Bachelor Degree) เป็น หลักสูตรที่ใช้เวลาเรียนเฉลี่ย 3 ปี ขึ้นอยู่กับสาขาที่เลือกเรียน นักเรียนไทยที่จบชั้น ม. 6 และต้องการเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย ถ้าเป็นคนที่มีผลการเรียนดีมาก อาจจะได้รับพิจารณาให้เข้าเรียนได้เลย แต่หลายมหาวิทยาลัยเลือกรับเฉพาะคนที่เรียนจบมหาวิทยาลัยปี 1 มาแล้วเท่านั้น หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือ การเข้าเรียนในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( Foundation Studies) ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เตรียมความพร้อมสำหรับนักเรียนต่างชาติเป็นระยะเวลา ตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี เมื่อสอบผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด ก็สามารถเข้าเรียนต่อได้ในระดับปริญญาตรีได้ทันที
ปริญญาตรีเกียรตินิยม ( Bachelor Degree with Honours ) เป็น หลักสูตรที่ใช้เวลาเรียนเพิ่มจากการเรียนปริญญาตรีปกติอีก 1 ปี เนื้อหาของหลักสูตรจะมีทั้งการบรรยายและการทำวิทยานิพนธ์ คนที่เรียนจบหลักสูตรนี้ด้วยผลการเรียนในระดับดีและได้เกียรตินิยมอันดับ หนึ่ง จะได้รับการรับรองวุฒิเทียบเท่าปริญญาโท และเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาเอกได้ทันที
ประกาศนียบัตรบัณฑิต ( Graduate Certificate ) เป็น หลักสูตรที่ใช้เวลาเรียน 6 เดือน โดยที่เรียนเฉพาะด้าน สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพิ่มเติมในสาขาวิชาที่แตกต่างไปจากตอนที่ เรียนปริญญาตรี หรือนักเรียนต่างชาติที่ต้องการเรียนต่อในระดับปริญญาโทแล้วยังขาดคุณสมบัติ อยู่ก็จะลงเรียนในหลักสูตรนี้ก่อนเพื่อประเมินผลว่าจะสามารถเรียนต่อในระดับ ปริญญาโทได้หรือไม่
อนุปริญญาโท ( Graduate Diploma ) เป็น หลักสูตรที่ใช้เวลาเรียนตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปีเน้นความรู้เฉพาะด้าน มีหลายมหาวิทยาลัยที่กำหนดให้หลักสูตรนี้เป็นการศึกษาปีแรกในระดับปริญญาโท การเรียนในหลักสูตรนี้จะมีทังการเข้าฟังบรรยายและอาจจะให้ทำ Project หรือ ฝึกภาคปฏิบัติในบางสาขาวิชา
ปริญญาโท ( Master Degree ) เป็น หลักสูตรที่ใช้เวลาเรียน 1- 2 ปี ขึ้นอยู่กับสาขาวิชาและมหาวิทยาลัย การเรียนในระดับปริญญาโทมีให้เลือกเรียน ทั้งแบบ Coursework ซึ่งเป็นการเรียนแบบเข้าฟังคำบรรยาย โดยไม่ต้องทำวิจัย บางสาขาอาจกำหนดให้มีการทำวิจัยเป็นส่วนประกอบเหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่มี ประสบการณ์ทำงาน หรือไม่มีพื้นฐานการเรียนสาขานั้นๆมาก่อน และแบบ Research เป็นการเรียนแบบทำวิทยานิพนธ์ ผู้ที่เรียนแบบนี้ควรจะมีพื้นฐานการทำวิจัย และพื้นฐานของทฤษฎีในสาขาที่ทำวิจัยเป็นอย่างดี เพราะการเรียนแบบนี้มีความจำเป็นที่ต้องพึ่งตัวเองสูงมาก
ปริญญาเอก ( Doctoral Degree,Ph.D. ) เป็น หลักสูตรที่ใช้เวลาเรียนประมาณ 3 – 5 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและปัจจัยหลายๆอย่าง การเรียนในระดับนี้จะเน้นการทำวิจัยเป็นหลัก ผู้ที่เรียนควรจะมีพื้นฐานการทำวิจัยและพื้นฐานของทฤษฎีในเรื่องที่เรียน เป็นอย่างดี แต่ในปัจจุบันนี้นอกจากการเรียนแบบวิจัยแล้ว มีหลายมหาวิทยาลัยเปิดให้เรียนในระดับปริญญาเอกแบบที่เป็นการเรียน Coursework ในช่วงแรกแล้วค่อยทำวิจัยในช่วงหลัง และยังมีหลักสูตร DBA ซึ่งเป็นหลักสูตรปริญญาเอกทางด้านบริหารธุรกิจ ที่จะรับเฉพาะผู้ที่เรียนจบ MBA และ มีประสบการณ์ทำงานมาแล้วเท่านั้น สำหรับการเรียนปริญญาเอกแบบทำวิจัย ผู้เรียนต้องเสนอโครงร่างการทำวิจัย ( Research Proposal ) และติดต่ออาจารย์ของมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะให้เป็นที่ปรึกษา ก่อนที่จะทำเรื่องสมัครเข้าเรียน เพราะการพิจารณาใบสมัครจะพิจารณาจากหัวข้อในการทำวิจัยเป็นสำคัญ
สำหรับเงื่อนไขการรับสมัครเข้า เรียนในระดับอุดมศึกษานั้น เกณฑ์ที่จะใช้พิจารณาคือ ผลภาษาอังกฤษ ผลการเรียนเฉลี่ย ( GPA ) แต่ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก บางสาขาวิชาอาจพิจารณาจากประสบการณ์ทำงานประกอบด้วย โดยเงื่อนไขเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยว่าจะกำหนดเอาไว้อย่างไร
วีซ่านักเรียน
ประเทศออสเตรเลียกำหนดให้ผู้ที่ลงทะเบียนเรียนเกิน 10 สัปดาห์ จำเป็นต้องยื่นขอวีซ่านักเรียน โดยที่จะต้องลงทะเบียนแบบเต็มเวลากับสถาบันการศึกษาที่ได้รับการรับรองจาก รัฐบาลออสเตรเลียแล้วเท่านั้น จึงจะมีสิทธ์ได้รับการอนุมัติวีซ่าจากทางสถานทูต
เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นวีซ่านักเรียน
1. แบบฟอร์ม 157 A ( ขอรับได้ที่ lnsight ) กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน
2. เอกสารยืนยันการชำระเงิน ( Electronic Confirmatoin of Enrolment – eCoE )
1. รูปถ่ายหน้าตรง 2 นิ้ว จำนวน 3 รูป ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน ( สำหรับแบบฟอร์ม 157A 1 รูป และแบบฟอร์มตรวจสุขภาพ 2 รูป )
2. พาสปอร์ตตัวจริง ( หากมีเล่มเก่าให้นำมาด้วย ) ต้องมีอายุเหลือเกิน 6 เดือน
3. สำเนาใบเสร็จการตรวจสุขภาพ
4. สำหรับนักเรียนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องมีหนังสือยินยอม ( Letter of Consent ) จากบิดาและมารดา พร้อมสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารยืนยันเรื่องผู้ปกครองที่ออสเตรเลียและที่พักจากสถาบัน
5. หลักฐานส่วนตัวของนักเรียน
- สูติบัตรตัวจริง พร้อมสำเนา
– บัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน พร้อมสำเนา
– Transcripts ตัวจริงทุกใบพร้อมสำเนา
– สำหรับผู้ชาย เอกสารการเกณฑ์ทหาร หรือเอกสารการรับรองการเรียน ร.ด. พร้อมสำเนา
– ใบสำคัญอื่นๆตัวจริง เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล ใบทะเบียนสมรสพร้อมสำเนา
– กรณีเคยสอบ IELTS หรือ TOEFLให้แนบผลภาษาอังกฤษตัวจริงพร้อมสำเนา
– กรณีเคยเรียนเพิ่มเติม ให้แนบใบรับรองจากทางสถาบันนั้นๆ มาด้วย
– กรณีทำงาน ให้แนบใบผ่านงานตัวจริงระบุวันเริ่มงานจนถึงวันสิ้นสุดงาน และตำแหน่งของทุกแห่งที่เคยทำ พร้อมสำเนา ( ถ้านักเรียนทำงานในบริษัทของที่บ้านหรือของญาติให้แนบ ”สำเนาทะเบียนบ้านการค้าของบริษัท” 1 ชุด )
6. หลักฐานการเงิน
สำเนาสมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน นับจากเดือนที่ยื่นขอวีซ่า และใบรับรองฐานะการเงินจากธนาคาร ในกรณีที่บัญชีค้ำประกันเป็นบัญชีของบริษัท ให้นำ “สำเนาทะเบียนบ้านการค้าของบริษัท”และจดหมายรับรองจากทางบริษัทว่าต้องการ ค้ำประกันผู้ยื่นวีซ่า ( โดยพิมพ์ด้วยหัวจดหมายบริษัท และลงประทับตราบริษัท )
7. ค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียน
ค่าธรรมเนียม 13,550 บาท จ่ายเป็นแคชเชียร์เช็ค หรือแบงค์ดราฟท์เท่านั้น ในนาม “ Australian Embassy Bangkok “ และค่าธรรมเนียมการยื่นขอวีซ่า (รวมภาษี ) 428 บาท จ่ายเป็นเงินสด
การขอวีซ่าจะยื่นผ่านทาง VFS ตั้งอยู่ที่ อาคารไทย ซีซี ชั้น 32 ถนนสาธรใต้ ตั้งแต่เวลา 8.30- 15.00 น.( ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอวีซ่า www.vfs.co.th )
หมายเหตุ 1) สำเนาเอกสารทุกฉบับให้เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง
2) ระยะดำเนินขอวีซ่าอย่างต่ำ 10 วัน ( หากมีปัญหาทางด้านสุขภาพอาจใช้เวลานานกว่านี้ )
3) ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าอาจมีการเปลี่ยนแปลง
ยื่นวีซ่าออนไลน์ ( e – Visa )
ทางเลือกใหม่สำหรับนักเรียนที่ต้อง การยื่นวีซ่านักเรียนเพื่อไปเรียนต่อออสเตรเลีย lnsight Education Consulting ได้รับมอบหมายจากสถาทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยให้เป็นตัวแทนในการดำเนิน เรื่องสมัคร e – Visa ให้กับนักเรียนได้ โดยนักเรียนสามารถนำหลักฐานข้างต้นมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ของ lnsight โดยค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียนต้องชำระเป็นบัตรเครดิตเท่านั้น ในอัตรา AUD $ 410 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยื่น e – Visa ได้ที่ lnsight
ตัวเลขสำคัญในวีซ่านักเรียน
เมื่อได้รับวีซ่านักเรียนแล้ว สิ่งหนึ่งที่ควรรู้คือ ความหมายของตัวเลขแต่ละตัว ซึ่งผู้ที่ถือวีซ่าจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ทางสถานทูตกำหนดไว้อย่าง เคร่งครัด หากฝ่าฝืน วีซ่านักเรียนอาจจะถูกยกเลิกโดยไม่ต้องมีการบอกล่วงหน้า เงื่อนไขของวีซ่านักเรียนที่ควรทราบ มีดังนี้
8101 : หมายถึงผู้ที่ถือวีซ่านี้ไม่สามารถทำงานได้
8150 : หมายถึงผู้ที่ถือวีซ่าสามารถทำงานได้แต่ไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ระหว่างภาคการศึกษา และ 40 ชั่วโมงระหว่างปิดภาคการศึกษา
8202 : หมายถึงผู้ที่ถือวีซ่านี้ต้องเข้าเรียนไม่ต่ำกว่า 80% ของเวลาเรียน ถ้ามีการลาจะต้องยื่นใบรับรอง แพทย์เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อเวลาเรียน ผลการเรียนต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนด ถ้าสอบไม่ผ่านจะมีผลต่อการขอวีซ่าครั้งต่อไป
8206 : ห้ามเปลี่ยนสถาบันที่เรียนตลอดระยะเวลาที่ลงทะเบียนเรียนเอาไว้ ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงที่เรียนโดยที่ยังไม่ถึง 1 ปี ต้องแจ้งให้ทางสถาบันรับทราบถึงเหตุผลของการลาออก พร้อมขอจดหมายลาออกและ Record of attendance เพื่อที่นักเรียนจะได้ใช้เป็นเอกสารในการขอวีซ่าครั้งต่อไป
8501 : นักเรียนต้องมีประกันสุขภาพ ( OSHC ) ที่ครอบคลุมตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่ออสเตรเลีย
8533 : ต้องแจ้งที่อยู่ปัจจุบันที่ออสเตรเลียให้ทางสถาบันการศึกษา , DLMLA และบริษัทประกันสุขภาพ และหากมีการย้ายที่อยู่จะต้องแจ้งกับ หน่วยงานดังกล่าวภายใน 7 วัน
ประกันสุขภาพ ( OSHC )
ทางรัฐบาลออสเตรเลียกำหนดให้นัก เรียนต่างชาติที่จะเข้าไปเรียนต่อ ทำประกันสุขภาพตลอดระยะเวลาที่ระบุไว้ในวีซ่า เรียกว่า Overseas Student Health Cover ( OSHC ) เพื่อให้นักเรียนได้รับการคุ้มครองด้านสุขภาพ หากเกิดเจ็บป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุในระหว่างที่อยู่ในประเทศออสเตรเลียโดย ต้องชำระเบี้ยประกันพร้อมกับการชำระค่าเล่าเรียน ซึ่งรายละเอียดของการชำระเบี้ยประกันนั้นจะปรากฎอยู่ในใบตอบรับจากสถาบันการ ศึกษาที่นักเรียนเลือก หากว่ายังไม่ได้จัดการเรื่องประกันสุขภาพจะไม่มีสิทธิ์ได้รับวีซ่าให้ผ่าน เข้าประเทศออสเตรเลีย
บริษัทประกันสุขภาพที่จะสามารถ ให้ประกันสุขภาพได้นั้น ต้องมีสัญญาไว้กับรัฐบาลออสเตรเลีย และสถาบันการศึกษาจะเป็นผู้เลือกว่าจะใช้ประกันสุขภาพของบริษัทใด โดยส่วนใหญ่แล้วสถาบันการศึกษาจะเลือก Medibank Private และ Worldcare ASSIST ให้เป็นผู้ดูแล