เปิดใจนักเรียนทุนAFS “น้องฟ้าใส” วริยาภรณ์ ธัญญ์โชติวรกิตติ

ตุลาคม 29, 2011 by: 0
Visit 8,133 views

เปิดใจนักเรียนทุนAFS “น้องฟ้าใส” วริยาภรณ์ ธัญญ์โชติวรกิตติ
นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ นนทบุรี นักเรียนทุนแลกเปลี่ยน AFS ปีล่าสุด


“น้องฟ้าใส” น.ส.วริยาภรณ์ ธัญญ์โชติวรกิตติ นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ นนทบุรี นักเรียนทุนแลกเปลี่ยน AFS ปีล่าสุด ที่มีโครงการจะเดินทางไปแลกเปลี่ยนที่สหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2555 จะมาบอกเล่าถึงเทคนิคในการพิชิตทุน AFS แบบไม่มีกั๊กให้เราได้ทราบกัน

ที่ฟ้าใสสมัครทุน AFS เพราะว่าชอบภาษาอังกฤษอยู่แล้ว เรียนภาษาอังกฤษเยอะมาก ประกอบกับคุณแม่แนะนำให้ลองไปสมัครสอบทุน AFS ดู ฟ้าใสก็เลยลองไปสอบดู ปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่ไปสอบทุนนี้ ปีแรกที่ไปสอบตอนนั้นยังไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับทุนนี้มากนัก ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก ไปศึกษาแนวทางข้อสอบก่อน ปีนั้นเลยไม่ได้ทุน แต่ในปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่หนูไปสอบ รู้แนวทางของข้อสอบพอสมควร เพื่อนของคุณแม่ที่เคยได้ทุน AFS เอาข้อสอบเก่ามาให้ลองทำดู ปรากฏว่าทำได้ค่ะ

ข้อสอบเก่าของทุน AFS ในปีที่ผ่าน ๆ มา จะเป็นข้อสอบภาษาไทย 20 ข้อ ภาษาอังกฤษ 80 ข้อ ซึ่งข้อสอบภาษาไทยจะเป็นการรวมข้อสอบวิชาสังคมศึกษาและภาษาไทย โดยที่วิชาสังคมศึกษาจะถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนั้น ๆ ส่วนวิชาภาษาไทย ยกตัวอย่างข้อสอบเช่น มีสุภาษิตมาให้ แล้วให้หาความหมายของสุภาษิตนั้น ส่วนข้อสอบภาษาอังกฤษจะมีบทความมาให้อ่านความยาวประมาณ 1 หน้าครึ่ง แล้วให้ตอบคำถาม นอกจากนี้ก็จะมีบทสนทนาให้เติมคำว่าเขาพูดว่าอะไร แล้วก็มีการ์ตูนภาษาอังกฤษ 3 ช่อง ให้เราอ่าน แล้วให้ตอบคำถาม นอกจากนี้ก็จะมีแผนที่มาให้ศึกษา แล้วให้ตอบคำถามจากแผนที่นั้น รวมทั้งข้อมูลการพยากรณ์อากาศ แล้วให้เราตอบคำถามจากข้อมูลนั้น รวมทั้งโจทย์เลขให้เราคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ออกมาด้วยค่ะ

สำหรับข้อสอบในปีล่าสุดจะเป็นภาษาอังกฤษหมดทั้ง 100 ข้อ ไม่มีข้อสอบภาษาไทยแล้ว เนื้อหาข้อสอบจะเหมือนปีที่ผ่าน ๆ มา ไม่แตกต่างกันมาก ฟ้าใสทำข้อสอบได้เกือบหมด แต่ต้องฝึกอ่านบทความให้คล่องมากขึ้น ทุน AFS ที่ฟ้าใสได้จะอยู่ในประเภท CSP ทุนนี้มีข้อกำหนดว่าเป็นทุนของบริษัทที่มีเครือข่ายอยู่กับ AFS คุณแม่ของฟ้าใสทำงานอยู่ที่บริษัท คิมเบอร์ลี่ย์ – คล้าค ประเทศไทย จำกัด ซึ่งบริษัทนี้เป็นพันธมิตรกับ AFS อยู่แล้ว ลูกพนักงานสามารถสอบชิงทุน AFS ในประเภทนี้ได้ ถ้าได้ทุนทางบริษัทจะออกค่าใช้จ่ายให้เต็มจำนวน ฉะนั้นคนที่จะสอบทุนประเภทนี้ได้ มีข้อจำกัดว่าต้องมีผู้ปกครองทำงานอยู่ในบริษัทที่ AFS เป็นเครือข่ายอยู่ด้วย จึงจะสามารถสอบทุนประเภทนี้ได้

เมื่อผ่านการสอบข้อเขียนแล้ว ก็เข้าสู่ด่านการสอบสัมภาษณ์ สำหรับฟ้าใสการสอบสัมภาษณ์ไม่ยากมากนัก อันดับแรกกรรมการให้แนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษก่อน หลังจากนั้นก็จะถามคำถามเป็นภาษาไทยว่า ถ้าได้ไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาจะนำอะไรไปโชว์ให้เพื่อนต่างชาติดูบ้าง แล้วก็ถามว่าถ้าอยู่กับโอสต์แล้วเกิดทะเลาะกับโฮสต์ขึ้นมาจะทำยังไง ฟ้าใสตอบไปว่าต้องถามโฮสต์ก่อนว่าไม่พอใจเราในเรื่องอะไร เราทำผิดอะไร ถ้าพิจารณาดูแล้วว่าเราทำผิดจริง ก็ต้องขอโทษเขา แล้วก็ต้องปรับตัวให้ดีขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นคำถามทั่วไป ถามเกี่ยวกับตัวเรา และการปรับตัวของเราเมื่อไปอยู่ที่ต่างประเทศ หลังจากที่สัมภาษณ์เสร็จแล้ว กรรมการถามกลับว่าอยากถามอะไรพวกเขาบ้างไหม ฟ้าใสก็ถามกรรมการไปว่า ตอนที่ไปอยู่ที่ต่างประเทศนานไหมกว่าที่จะปรับตัวเรื่องภาษาได้ เขาบอกว่าไม่นานมากนักขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วย

ในส่วนของรัฐและโรงเรียนที่จะไปอยู่นั้น ตอนนี้รอฟังคำตอบอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าโฮสต์ที่เลือกเราเขาอยู่รัฐไหน เราก็ต้องไปอยู่ที่รัฐนั้น ระหว่างนี้ก็เตรียมตัวไปเผยแพร่วัฒนธรรมของไทยให้เพื่อน ๆ ที่นั่นรู้จัก ที่คิดไว้ว่าจะนำไปแสดงให้เพื่อน ๆ ดูน่าจะเป็นรำไทย และก็ทำอาหารไทยให้เพื่อน ๆ ทาน เมนูเด็ดของฟ้าใส คือแกงต่าง ๆ เช่น แกงเขียวหวาน ต้มยำ และก็แกงป่า ซึ่งฟ้าใสจะเดินทางไปแลกเปลี่ยนในเดือนสิงหาคมปีหน้าค่ะ (ปี 2555) ข้อดีของการไปแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ คือกลับมาไม่ต้องเรียนซ้ำชั้น สามารถเรียนจบพร้อมเพื่อนๆได้เลย แต่ว่าตอนเข้ามหาวิทยาลัยอาจจะเข้าภาคปรกติไม่ได้ เพราะช่วงที่กลับมาเขาจะสอบกันเสร็จแล้ว รับน้องเรียบร้อยแล้ว จะเหลือตัวเลือกแค่เรียนต่อภาคอินเตอร์หรือไม่ก็เรียนต่อมหาวิทยาลัยเอกชนเท่านั้น อนาคตฟ้าใสวางแผนเอาไว้ว่า จะเรียนต่อทางด้านภาษาและการท่องเที่ยวค่ะ ถ้าเรียนจบแล้วฟ้าใสอยากทำงานด้านการท่องเที่ยว เช่น บริษัททัวร์ เพราะจะได้ทั้งภาษาและก็ได้ท่องเที่ยวไปในตัวด้วย

สุดท้ายนี้อยากฝากถึงเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ว่า เราต้องรู้จักตัวเองก่อนว่าชอบหรือสนใจอะไร อย่างฟ้าใสชอบภาษาพอมีโอกาสก็อยากจะไปศึกษาภาษาที่ประเทศเจ้าของภาษาเลย แนะนำว่าให้มองหาทุนที่เหมาะกับตัวเอง พอเจอแล้วก็ตั้งใจอ่านหนังสือเยอะ ๆ หัดทำข้อสอบเก่าเยอะ ๆ อาจขอคำแนะนำจากรุ่นพี่ที่เคยไปมาแล้วก็ได้ จะได้นำเอาความรู้มาปรับใช้กับตัวเราได้ในอนาคต ใครที่สนใจทุน AFS เขาจะเปิดรับสมัครประมาณปลายเดือนพฤษภาคมจนถึงต้นเดือนกรกฎาคม จะสอบประมาณช่วงกลางเดือนกรกฎาคม และจะประกาศผลประมาณสิ้นเดือนกรกฎาคมของทุกปีค่ะ

ด้าน อาจารย์เจิดพร แวววิริยะ หัวหน้างานแผนงานโรงเรียน และอาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์ นักเรียนในโครงการ Gifted พูดถึงน้องฟ้าใสว่า สมัยมัธยมต้นฟ้าใสเรียนอยู่ชั้นม. 3/6 ซึ่งเป็นเด็กห้องคัดของโรงเรียน เด็กกลุ่มนี้จะเป็นเด็กที่เรียนเก่ง และเอาใจใส่ในการเรียน ที่ฟ้าใสเขาได้ทุนนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS นับเป็นโอกาสดีมาก เพราะเขาจะได้พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในทุก ๆ ด้านให้ดีขึ้น นอกจากนี้เขายังจะได้รับประสบการณ์การใช้ชีวิตในต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งการไปในครั้งนี้จะส่งผลให้เขามีความรับผิดชอบมากขึ้น โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เพราะต้องรู้จักวางแผนและจัดการชีวิตประจำวันของตัวเอง มีความกล้าในการตัดสินใจมากขึ้น เมื่อกลับมาเมืองไทยแล้ว เขาจะมีวิธีคิดและการใช้ชีวิตที่โตเป็นผู้ใหญ่กว่าคนในวัยเดียวกัน

สุดท้ายนี้ก็อยากจะฝากเอาไว้ว่า ทุกวันนี้เด็กที่มีความสามารถมักได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากผู้ปกครอง โรงเรียน และตัวของเด็กเอง อาจารย์อยากให้เด็กของเรามีจิตสาธารณะ ไม่ว่าเขาจะเก่งสักแค่ไหน แต่เขาต้องไม่ลืมเรื่องของการอนุรักษ์และการมีจิตสาธารณะในการช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งทุกวันนี้ในสังคมบ้านเรายังขาดเรื่องตรงนี้อยู่มาก อยากให้เด็กของเราทั้งเก่งและดี ตรงตามปรัชญาของทางโรงเรียนที่ว่า “ความเป็นเลิศทางวิชาการและคุณธรรม”

 

ทางด้าน อาจารย์พิมณฑ์รัตน์ กลิ่นจันทร์ อาจารย์ประจำชั้นของน้องฟ้าใส ชั้นม.5/2 กล่าวว่า ฟ้าใสเป็นเด็กที่ขยันและตั้งใจเรียนมาก บุคลิกร่าเริง แจ่มใส เรื่องการเรียนไม่ค่อยเป็นห่วงเขามาก แต่จะห่วงเรื่องการเดินทางไปใช้ชีวิตในต่างประเทศมากกว่า อาจารย์จะให้คำปรึกษาและให้กำลังใจเขาเสมอเวลาที่เขามาปรึกษา ทุน AFS เป็นโครงการที่ดีที่เปิดโอกาสให้เด็กได้ไปหาประสบการณ์ในต่างประเทศ ซึ่งน้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้ไป ก็อยากจะให้เขาทำให้เต็มที่ค่ะ

ที่มา “การศึกษาวันนี้”
ผู้เขียน : ปิยะนุช ช่างภาพ : กฤษดา


About Auther : Webmaster  (439 Posts)

Thai Education Portal


Share this Story

Comments are closed.

Translation

Englishภาษาไทย

คำค้น