ทุนอิตาลี ประจำปี 2008/09
สถานทูตอิตาลี ประจำประเทศไทย แจ้งการประกาศ เรื่องการที่รัฐบาลอิตาลีแจ้งให้ทุนแก่ผู้สนใจชาวไทย ที่ต้องการไปศึกษาต่อระดับ Graduate,Post-graduate และ Single courses ในอิตาลี
รวมถึงนักวิจัยที่ต้องการไปทำงานวิจัยที่อิตาลี ไม่ว่าจะเป็นที่สถาบันการศึกษาระดับสูงหรือ มหาวิทยาลัย ต่าง ๆ ที่ เป็นที่ยอมรับในประเทศอิตาลี ในสาขาใดก็ตาม โดยคุณสมบัติสำคัญของการสมัครขอรับทุนครั้งนี้ ผู้สมัครต้องเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องภาษาอิตาเลียนในระดับที่ดี และ อายุไม่เกิน 35 ปี
สำหรับหลักฐาน ที่ต้องใช้ในการสมัคร มีดังต่อไปนี้
- 3 copies of application form
- one or two letters from professors, teachers or professional superiors
- copy of the applicant's diploma (High school diploma or University Degree)
- copy of transcript (High school or University)
- copies of a valid document of citizenship (passport, birth certificate)
- CV and portfolio
เดทไลน์ของการรับสมัคร คือ วันที่ 1 พฤษภาคม 2008
ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อไปที่ 02 2854433-5 ext. 149 or write to ufficioculturale.bangkok@esteri.it
สาระที่ควรทราบ
Concetta Liberato เจ้า หน้าที่ด้านการศึกษาของสถานทูตอิตาลี ประจำประเทศไทย ได้แจ้งถึงขั้นตอนและรายละเอียดสำคัญ สำหรับผู้สนใจสมัครขอทุนของรัฐบาลอิตาลี ภายใต้ความมุ่งหวังให้ผู้ขอทุนประสบความสำเร็จในการของทุน ไม่ว่าจะเป็นทุนไปเรียนภาษาอิตาเลี่ยน หรือทุนสาขาอื่น ๆ และสิ่งจำเป็นอันดับแรกที่ผู้สมัครต้องทราบก็คือ ต้องมีความรู้พื้นฐานทางด้านภาษาอิตาเลี่ยนมาพอสมควร(See English version on second part)
ในการสมัครขอทุนรัฐบาลอิตาลี หรือ Scholarship from the Italian Ministry of Foreign Affairs นัก เรียนที่ต้องการสมัครขอทุนต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาขาวิชาที่จะไป เรียน และรู้อย่างชัดเจนว่า จะได้ประโยชน์อย่างไรในการเดินทางไปศึกษาที่อิตาลี โดยเฉพาะนำสิ่งที่ไปเรียนรู้มานั้นกลับมาสร้างประโยชน์กับประเทศของตนอย่าง ไร ซึ่งประเด็นนี้ถือว่าสำคัญมาก สำหรับการพิจารณาให้ทุน นอกจากนั้นก็ยังมีข้อกำหนดเรื่องอายุที่จะต้องไม่เกิน 35 ปี โดยผู้ที่จะสมัครได้โดยอายุเกินกว่านี้ จะได้สิทธิเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่เป็นครูสอนภาษาอิตาเลี่ยนเท่านั้น
ผู้ ขอทุนจะต้องเลือกเมือง และมหาวิทยาลัย ที่จะไปศึกษา ซึ่งตรงนี้ต้องใช้เวลาในการพิจารณาให้รอบครอบ เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และก็ต้องรู้ว่า What How และ Where อะไรที่เป็นคอร์สที่เหมาะกับคุณมากที่สุด
WHAT : หรือจะเรียนอะไร ซึ่งผู้สมัครขอทุนสามารถเลือกคอร์สใดคอร์สหนึ่ง เช่น Italian Language and Culture course,Degree courses,Master courses,Specialization Courses ซึ่งในจำนวนคอร์สต่าง ๆ เหล่านี้ Master Courses โดยปกติแล้วจะต้องเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก นอกจากนี้ผู้สมัครก็ต้องแน่ใจว่า คอร์สที่เลือกไปยังเปิดสอน หรือ Active อยู่ หรือไม่ในปีการศึกษานี้ เพราะโดยทั่วไปคอร์สเหล่านี้จะเปิดสอนก็ต่อเมื่อมีนักศึกษาลงทะเบียนเรียนใน จำนวนตามที่สถาบันกำหนดเอาไว้แล้วเท่านั้น ซึ่งกรณีนี้ผู้สมัครอาจไม่สามารถทราบได้ในขณะที่สมัครไป ดังนั้นเมื่อสมัคร Master Course ก็ต้องแน่ใจอย่างเต็มที่แล้วว่ามีการเปิดสอน และผู้สมัครจะได้รับเข้าสู่การศึกษาที่นั่น
HOW : หรือ สมัครอย่างไร ในการสมัครเข้าศึกษาในสถาบันของอิตาลีจะมีสิ่งจำเป็นที่ผู้สมัครจะขาดเสียไม่ได้ดังต่อไปนี้
กรณีของ Single course ปกติแล้ว มีความจำเป็นเพียงแค่ต้องลงทะเบียนที่มหาวิทยาลัยที่สมัคร แต่หากเป็น Degree courses กับ Italian language courses จำเป็นต้องมี High School Diploma Degree
Master courses กับ Specialization courses ต้องมี University Degree และหลักฐานอื่น ๆ ที่มหาวิทยาลัยต้องการ
ซึ่งปกติก็ต้องยื่น Transcript ของ คอร์ส และรายละเอียดโปรแกรมที่ผู้สมัครจบมา ซึ่งทั้งหมดของเอกสารที่ยื่นต้องแปลเป็นภาษาอิตาเลี่ยน ซึ่งในเนื้อหาจะประกอบไปด้วยวิชาที่เรียน รายละเอียด เครดิตที่ได้ และช่วงเวลาที่ศึกษา
ส่วนผู้ที่ต้องการสมัครเรียนกับสถาบันทางด้าน Music Conservatories และ Fine Arts Institutes ก็จะต้องมี High School Diploma
WHERE: มหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษา ต้องเป็นสถาบันของรัฐ(Statale) ไม่ใช่ของเอกชน เพราะทุนรัฐบาลอิตาลีมีให้สำหรับสถาบันของรัฐเท่านั้น โดยข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ สามารถเข้าไปค้นหาได้ทางเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยอิตาลี แต่ต้องจำไว้ว่า search engine จะต้องเป็น .IT ไม่ใช่ .com โดยเว็บไซต์ที่มีประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องนี้มากคือ www.study-in-italy.it เพราะ เป็นเว็บไซต์ที่มีเรื่องข้อมูลด้านคอร์สต่าง ๆ ในทุกระดับ และเมื่อได้มหาวิทยาลัย และคอร์สที่ต้องการเรียนแน่นอนแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือ ติดต่อไปยัง Tutor หรือ ผู้ที่ดูแลนักเรียนต่างชาติ ซึ่งจะมีบริการเสมอในทุกสถาบันการศึกษา และบุคคลเหล่านี้ก็มีหน้าที่โดยตรงในการช่วยเหลือนักศึกษาต่างชาติ โดยผู้สมัครต้องเขียนอีเมล์เป็นภาษาอังกฤษ หรือจะยิ่งดีกว่าหากเป็นภาษาอิตาเลี่ยนไปยังติวเตอร์เพื่อสอบถามในเรื่อง ต่าง ๆ ซึ่งคำถามส่วนใหญ่ก็มักมีลักษณะดังต่อไปนี้
How long is the course(in terms of semesters)
When it starts and finishes
If there is an entrance exam(there is none,normally,for single courses)
Which documents are required from you : เรื่องนี้สถาบันการศึกษา หรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในอิตาลี จะมีอิสระในการกำหนด รวมทั้งเดทไลน์ในการส่งใบสมัครต่าง ๆ
How expensive is the registration fee and if you must pay it ซึ่งในบางมหาวิทยาลัยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่บางแห่งอาจต้องจ่ายประมาณครึ่งหนึ่ง
สิ่ง ที่ผู้สมัครขอทุนต้องตระหนัก คือ รัฐบาลอิตาลีเป็นเพียงสื่อกลางระหว่าง ผู้สมัครกับมหาวิทยาลัย ช่วยให้ผู้สมัครมีโอกาสที่จะได้รับทุนการศึกษา เพื่อไปใช้ชีวิตและศึกษาในประเทศอิตาลี แต่รัฐบาลอิตาลีไม่ใช่คนที่จะเป็นผู้เลือกหลักสูตร หรือมหาวิทยาลัยให้กับผู้สมัคร ดังนั้นเรื่องต่าง ๆ ผู้สมัครต้องเป็นผู้ตัดสินใจเอง เพราะที่ผ่านมา มักมีนักศึกษาโทรไปถามกับสถานทูตอิตาลี ว่า I would like to study Art in Italy,what shall I do? ซึ่งคำถามอย่างนี้ผู้ถามก็จะไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด
โดยปกติแล้ว ทุนการศึกษาของรัฐบาลอิตาลี มีขึ้นตามปีการศึกษาที่กำหนดไว้ ซึ่งก็จะเป็นช่วงเวลาระหว่างเดือน October ถึง September ยกตัวอย่าง หากผู้สมัครต้องการไปเรียนภาษาอิตาเลี่ยนในช่วงซัมเมอร์ ในปี 2008 ที่มหาวิทยาลัย Siena หรือ Perugia ก็ ต้องทำการสมัครขอทุนในปี 2007 เป็นต้น ส่วนข่าวเรื่องทุนการศึกษา จะมีการประกาศที่เว็บไซต์ของสถานทูตอิตาลีทันที เมื่อมีการประกาศรับสมัคร ซึ่งก็จะมีการแจ้งถึงเรื่องหลักฐานในการใช้สมัครต่าง ๆ รวมทั้ง Portfolio ที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่เลือกไปเรียน และจะมีการนัดสัมภาษณ์เพื่อทดสอบความสามารถในการใช้ภาษาอิตาเลี่ยนของผู้สมัครด้วยเช่นกัน
เมื่อ ผู้ใดได้รับทุนการศึกษาแล้ว ก็ต้องมั่นคงที่จะไม่เปลี่ยนใจ เพราะการบอกเลิกรับทุน ถือเป็นความเสียหาย ทำให้ผู้สมัครคนอื่น ๆ ที่ควรจะได้รับการคัดเลือก ต้องเสียโอกาสไป
เมื่อนักศึกษาได้รับทุนแล้ว และต้องเดินทางไปอิตาลีอย่างแน่นอน ก็ต้องดำเนินการเรื่องขอ Study Visa กับทางสถานทูต ซึ่งก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเว็บไซต์ของสถานทูต ได้ที่ www.esteri.it and www.ambbangkok.esteri.it.