ทุนรัฐบาลอินเดีย 2007
รัฐบาลอินเดีย ประกาศให้ทุนการศึกษาประจำปี 2550 แก่ผู้สนใจชาวไทย โดยทุนที่ให้ไปศึกษาโดยตรงมีทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 29 ทุน แต่ที่เน้นเป็นพิเศษคือทุนทางด้านอายุรเวส ซึ่งเป็นสาขาเกี่ยวกับการบำบัด รักษาผู้ป่วย และผู้สูงอายุ ซึ่งกำลังเป็นสาขาที่มาแรงในปัจจุบัน โดยจะให้ทุนประเภทนี้ถึง 5 ทุน ส่วนที่เหลืออีก 24 ทุนจะเป็นทุนทั่ว ๆ ไป เหมือนที่เคยให้ทุกปี
อินเดีย ประเทศที่กำลังได้รับการคาดหมายจะเป็น 1 ในมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกในอนาคตอันใกล้ ถือเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาขนาดใหญ่ มีมหาวิทยาลัยนับพันแห่ง และมีวิทยาการทางด้านเทคโนโลยีไอทีระดับแนวหน้าของโลกเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังเป็นชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษในการศึกษาที่มีมาตรฐาน จึงเป็นแหล่งการศึกษาต่อของนักศึกษาจากนานาชาติที่สำคัญ อีกทั้งยังได้เปรียบชาติอื่น ๆ ที่มีค่าครองชีพ และค่าการศึกษาที่ค่อนข้างถูก
มหาวิทยาลัยที่มีสาขาร่วมขนาดใหญ่ และมีชื่อเสียงที่สุดของอินเดีย ก็มี Delhi,Calcutta,
Mumbai และ Bangalore ส่วนในเรื่องทุนการศึกษา รัฐบาลอินเดียได้ให้ทุนการศึกษาแก่ชาติต่าง ๆ เป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะประเทศไทย ปีหนึ่ง ๆ จะมีนักศึกษาไทยไปศึกษาต่อที่อินเดียจำนวนมาก จากการได้รับทุนเต็มจำนวน ตั้งแต่ระดับปริญญาตรี ไปจนถึงปริญญาเอก นอกจากนี้ยังมีทุนอบรม ทุนวิจัย และอื่น ๆ อีกหลายประเภท โดยทุนประจำปี จะเปิดดำเนินการรับสมัคร ประมาณต้นปีของทุกปี ด้วยเหตุนี้ผู้สนใจจึงต้องติดตามข่าวการให้ทุนของรัฐบาลอินเดียเป็นระยะ
การขอรับทุนรัฐบาลอินเดียต้องดำเนินการติดต่อหน่วยงาน The Indian for Culture Council Relations (ICCR)
ซึ่ง เป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการศึกษาเกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาติ การสมัครเพื่อขอทุนไปเรียนต่อที่อินเดียต้องดำเนินการผ่านสถานทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย สำหรับการศึกษาในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และระดับปริญญาเอก ในสาขาต่าง ๆ ยกเว้นด้าน Medicine และ Dentistry โดยทุนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยประกอบด้วย
1. Indo-Thailand Culture Exchange Programe (CEP) ทางICCR เป็นทุนให้เจ้าหน้าที่จากประเทศไทยได้ไป Studying, Training และ Research ในด้านต่าง ๆ (อินเดียออกค่าใช้จ่ายเป็นค่าครองชีพ ค่าเรียน ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ)
2. Technical Cooperation Scheme of Colombo Plan ซึ่งเป็นโครงการให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคแก่ประเทศเพื่อนบ้านตาม โครงการโคลัมโบ แพลน ซึ่งกระทรวงการคลังของอินเดีย ให้ทุนกับเจ้าหน้าที่จากไทยที่จะไปเข้ารับการฝึกอบรมที่สถาบันในอินเดีย (อินเดียออกค่าตั่วเครื่องบิน, ค่าครองชีพ, ค่าหนังสือ)
3. Hindi Scholarship สถาบันภาษาฮินดี้ส่วนกลางของรัฐบาลอินเดีย ให้ทุนเรียนภาษาฮินดี้ ซึ่งเป็นภาษาที่ชาวอินเดียส่วนใหญ่พูดกันมากที่สุด (อินเดียออกค่าตั่วเครื่องบิน,ค่าครองชีพและที่พัก, ค่าหนังสือ)
4. Scholarships for UG and PG Courses in Tradition Systems of Medicine หน่วยงาน ICCR สำหรับการศึกษาไทยในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ในด้าน Tradition Systems of Medicine เช่น Ayurveda, Unani, Siddha, และ Homeopathy
5. MGC Scholarship ให้สำหรับชาติในลุ่มน้ำโขงหรือโครงการ Mekong-Ganga Cooperation (MGC) โดยเป็นการศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้องกับชาติในภูมิภาคนี้ เช่น ancient history of Mekong-Ganga Cooperation countries และ Buddihism, Sanskrit, Pali,
Dance, Preservation of manuscripts, archaeology, Handicrafts, Museology เป็นต้น
6. ทุนฝึกอบรมระยะสั้นที่อินเดีย โดยเป็นการอบรมในสาขาต่าง ๆ เช่น English, IT, Banking & Finance, Rurai Development and Agricuture เป็นต้น
เอกสารการขอทุน
ต้องเตรี ยมเอกสารการสมัคร 5 ชุด ในการดำเนินการยื่นเรื่องที่หน่วยรับสมัคร โดยเอกสารเกี่ยวกับคุณวุฒิทางการศึกษาต่างๆต้องมีชุดที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ ควบคู่ด้วยดังนี้
•แบบฟอร์มการขอทุนของทางสถานทูต
•ใบแสดงผลการเรียนTranscript
•สำเนาหนังสือเดินทางPassport
• ประกาศนียบัตรต่าง ๆ
คำแนะนำการขอทุน
•สมัคร ต้องระบุสาขาและมหาวิทยาลัยที่จะไปศึกษาอย่างชัดเจนทางหน่วยงานรับสมัครจะมี หนังสือ University Handbook ให้เพื่อใช้ในการพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนกรณีที่สมัครในระดับปริญญาเอก หรือการศึกษาวิจัยหลังปริญญาเอก หรือที่เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมต้องมีหนังสือแสดงถึงสาระสำคัญของสาขาที่จะไปทำ วิจัยประกอบมาด้วย ส่วนนักศึกษาที่สนใจไปเรียนด้านศิลปะการแสดงควรส่งผลงานเป็นวีดิโอหรือเทป บันทึกเสียงการแสดงของตนเองไปด้วย
• มีความสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีพอ (หลักสูตรการสอนเป็นภาษาอังกฤษนักศึกษาที่ยังไม่เคย
ไปศึกษาที่อินเดียจะได้รับการพิจารณาเป็นอันดับแรก(กรณีที่มีผู้เคยไปสมัครทิ้งไว้)
•ใบสมัครที่เกี่ยวกับสาขาแพทยศาสตร์หรือทันตกรรมศาสตร์จะไม่ได้รับการพิจารณา
• สถาบันการศึกษาในอินเดียมีอิสระ และมีการตัดสินใจในการรับนักศึกษาของตนเอง ดังนั้นการที่ICCRอนุมัติให้ทุนไม่ได้หมายความว่าสถาบันนั้นจะต้องยอมรับผู้ ได้รับทุนนั้นๆ
• นักศึกษาที่ได้รับทุน ต้องถือวีซ่าที่เหมาะสม เช่น กรณีศึกษาต่อระดับปริญญาตรี และโท ควรมีวีซ่า ประเภท Full term “Student Visa” ส่วนระดับปริญญาเอกต้องมี“ResearchVisa” มีระบุช่วงเวลาเฉพาะ 4 หรือ 5 ปีหากนักศึกษาไม่มีวีซ่าที่เหมาะสมไปด้วยอาจถูกส่งตัวกลับประเทศ
• นักศึกษาควรมีเงินติดตัวไปด้วย เนื่องจากทุนที่ให้บางครั้งไม่เพียงพอในการใช้จ่ายในช่วงแรก
ของการศึกษา
ผู้สนใจ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ ที่
www.embassyof India-bangkok.org
