การสมัครเรียนต่อต่างประเทศ…China(ตอน1)

กันยายน 3, 2012 by: 0
Visit 1,285 views

ประเทศจีนเริ่มนโยบายปฏิรูปเปิดประเทศในปี 1978 เศรษฐกิจก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว  นับแต่ปี 1997 เป็นต้นมา  เศรษฐกิจจีนเติบโตเฉลี่ย 7.7% ต่อปี   เป็นอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดในโลก  เมื่อจีนเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกในปี 2001 ก็ยิ่งส่งเสริมการเปิดเสรีและการเข้าสู่ความเป็นโลกาภิวัตน์

เศรษฐกิจจีนพัฒนาไปอย่างรวดเร็วนั้น  ประชากรจีนก็มีคุณภาพชีวิตสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแนวความคิดก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป จีนได้กลายเป็นตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่  สร้างความคึกคักด้านเศรษฐกิจให้แก่ทั่วโลก และยังดึงดูดบริษัทต่างชาติเข้าไปลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ  ไม่เพียงแต่ทุนต่างชาติที่เข้ามา จีนเองยังส่งเสริมการพัฒนาวิสาหกิจการผลิตของชนชาติจีนด้วย

จีนมีระบบการศึกษาที่สมบูรณ์แบบ สถาบันการศึกษามี ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา มหาวิทยาลัยและบัณฑิตวิทยาลัย  กฎหมายการศึกษาแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กำหนดว่า รัฐบาลรับผิดชอบการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี นั่นคือ ตั้งแต่ระดับประถมจนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น

สถาบันการศึกษาระดับสูงของจีนได้แก่ มหาวิทยาลัย สถาบันและสถาบันเฉพาะทาง  มหาวิทยาลัยของจีนแบ่งเป็นมหาวิทยาลัยระดับมณฑล ระดับเขตปกครองตนเอง และระดับมหานครในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ สถาบันการศึกษาระดับสูงของท้องถิ่นและมหาวิทยาลัยเอกชน  มหาวิทยาลัยจีนและสถาบันที่ตั้งเป็นขึ้นเป็นเอกเทศจัดว่าเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูง

ปริญญาบัตรของจีนแบ่งเป็น ปริญญาบัณฑิต มหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิต

ระดับปริญญาบัณฑิต (ปริญญาตรี) (4-5 ปี)  ผู้ที่สามารถจบการศึกษาตามหลักสูตรที่กำหนดไว้และสารนิพนธ์ที่เขียนนั้นผ่านเกณฑ์ ถือว่าได้ปริญญาบัตรระดับปริญญาบัณฑิต

ระดับมหาบัณฑิต  (2-3 ปี)  ผู้ที่สามารถจบการศึกษาตามหลักสูตรที่กำหนดไว้  สอบผ่านวิทยานิพนธ์  และมีคะแนนในระดับที่สอบผ่าน ถือว่าได้ปริญญาบัตรระดับมหาบัณฑิต

ระดับดุษฎีบัณฑิต (3-4  ปี)  ผู้ที่สามารถจบการศึกษาตามหลักสูตรที่กำหนดไว้  สอบผ่านวิทยานิพนธ์  และมีคะแนนในระดับที่สอบผ่าน ถือว่าได้ปริญญาบัตรระดับดุษฎีบัณฑิต

การสมัครเรียนมหาวิทยาลัยในประเทศจีน

ขั้นตอนการสมัคร

เลือกมหาวิทยาลัย

กรอกเอกสารสมัครเรียน

เลือกระดับที่จะเรียน

ส่งเอกสาร

รอการอนุมัติจากมหาวิทยาลัย

ได้รับใบตอบรับจากมหาวิทยาลัย

ทำวีซ่า

ตรวจร่างกาย

ตรวจคนเข้าเมือง

ผ่านด่านศุลกากร

รายงานตัวที่มหาวิทยาลัย และลงทะเบียนเรียน

ทำเอกสาร ขอถิ่นที่อยู่ของชาวต่างชาติ ที่ กองตรวจคนเข้าเมืองประจำท้องถิ่น

การเลือกมหาวิทยาลัย

นักศึกษาที่จะไปเรียนต่อประเทศจีนมีเป้าประสงค์ไม่เหมือนกัน ทำให้เป้าหมาย วิธีการ เวลาและมหาวิทยาลัยที่เลือกต่างกัน   อย่างไรก็ตาม สิ่งแรกสุดควรคำนึงถึงผลการเรียน ฐานะทางบ้าน หน้าที่การงานและแผนชีวิตในอนาคต

วิธีการเรียนต่อ  แบ่งตามเป้าหมายและเวลาได้ดังนี้

- เรียนภาษา  คือ เรียนเฉพาะภาษาจีนซึ่งมีหลักสูตรอบรมให้เลือกตั้งแต่หลักสูตรครึ่งปีถึง 2 ปี

- เรียนระยะยาว  เรียนเพื่อให้ได้ปริญญาหรือการวิจัยระยะยาว ( 1 ปีขึ้นไป)

- เรียนระยะสั้น เป็นการเรียนไม่ใช่เพื่อได้ปริญญา   แต่เป็นการไปเรียนแบบแลกเปลี่ยน (ไม่ถึง 1 ปี) หรือการไปฝึกอบรมระยะสั้น

วิธีการชำระเงินค่าเล่าเรียน

การชำระค่าเล่าเรียนสามารถแบ่งเป็น ชำระด้วยเงินค่าเล่าเรียนด้วยตนเองหรือเงินของรัฐหรือองค์กร  เงินของรัฐหรือองค์กรคือ ทุนการศึกษาของรัฐบาลจีนหรือทุนอื่น ๆ   ส่วนการชำระเงินเรียนด้วยตนเองคือ นักศึกษาต่างชาติรับผิดชอบจ่ายเงินเอง

วิธีการรวบรวมข้อมูล

การเลือกมหาวิทยาลัยไปเรียนต่อ ให้ตัดสินตามแผนการเรียนหรือการวิจัยของตนเป็นหลัก พยายามศึกษาข้อมูลต่าง ๆ  เช่น ประวัติการรับนักศึกษา เงื่อนไข ของแต่ละสถาบัน ถ้าหากยังสำรวจไม่ครบถ้วน  ก็อาจไม่ได้เรียนวิชาตามที่ตนเองต้องการหรือค่าใช้จ่ายอาจเกินงบ ดังนั้นการรวบรวมข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัยที่สุด จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการจะไปเรียนต่อประเทศจีน

วิธีการขอคำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยมีดังนี้

a)    ข้อมูล (สถานที่ตั้ง  วิชาเอก เงื่อนไขการเข้าเรียน ค่าลงทะเบียนเรียน)ของมหาวิทยาลัยทุกแห่งมีอยู่ในเวบไซต์ศูนย์บริการเรียนต่อประเทศจีนของจีน (www.studyinchina.net.cn)

b)    สอบถามจากหน่วยงานที่ให้คำปรึกษาในการเรียนต่อประเทศจีน เช่น ฝ่ายการศึกษาท้องถิ่น สมาคมศิษย์เก่า กงสุล สถานทูต

c)    หนังสือแนะนำการเรียนต่อ

d)    หนังสือแนะนำมหาวิทยาลัยและการรับสมัครเข้าเรียน โดยขอจากแต่ละมหาวิทยาลัย

e)    ผู้มีประสบการณ์ในการเรียนต่อ   ถ้าอ่านจากหนังสือหรือสอบถามจากสถาบันต่าง ๆ แล้วยังไม่ชัดเจนพอ อาจจะขอคำแนะนำจากผู้เคยไปเรียนต่อ โดยเฉพาะผู้ที่เคยไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่เราต้องการสมัครเรียน เป็นการได้ข้อมูลโดยตรงอย่างดีที่สุด

f)     นิทรรศการเรียนต่อประเทศจีน   เพื่อเป็นการสนองความต้องการของวัยรุ่นแต่ละประเทศที่จะไปเรียนเมืองจีน ศูนย์บริการเรียนต่อจีน  สำนักงานเลขาธิการทุนการศึกษาเพื่อเรียนต่อประเทศจีน  และ สมาพันธ์เลขาธิการเพื่อการแลกเปลี่ยนการศึกษานานาชาติแห่งประเทศจีนได้เดินทางไปจัดนิทรรศการเพื่อการศึกษาต่อประเทศจีนในเมืองและประเทศต่าง ๆ  เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย อินโดนีเซีย คาซัคสถาน เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี ฮอลแลนด์ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เนปาล เวียดนาม กัมพูชา ปากีสถาน แอฟริกาใต้ ออกเตรเลีย นิวซีแลนด์  โดยสามารถเช็คข้อมูลเกี่ยวกับวัน เวลา สถานที่ และหน่วยงานที่เข้าร่วมนิทรรศการได้จากเวบไซต์เพื่อการเรียนต่อประเทศจีน

 การเลือกมหาวิทยาลัย

เวลาเลือกมหาวิทยาลัย ให้พิจารณาสาขาที่จะเรียน วัตถุประสงค์ในการเรียน ความรู้ความ สามารถและงานที่จะทำในอนาคต   สามารถเข้าไปในเวบไซต์ระหว่างประเทศหรือดูคู่มือแนะนำมหาวิทยาลัยและการรับสมัคร แล้วจึงตัดสินใจเลือกเรียนตามที่ตนต้องการ  อย่าได้เลือกโดยพิจารณาแต่ชื่อเสียงมหาวิทยาลัย ต้องพิจารณาเป้าหมายของตนเอง  จุดเด่นและลักษณะพิเศษของมหาวิทยาลัยที่จะเลือกเรียน และควรพิจารณาเรื่องโดยรวมดังนี้

a)    วิชา (บางแห่งไม่มีวิชาภาษาจีน)

b)    เงื่อนไขการเข้าเรียน

c)    ค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

d)    ทุนการศึกษา

e)    หอพัก

f)     สิ่งอำนวยความสะดวกในการวิจัย

g)    สภาพแวดล้อมในพื้นที่    ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ อัตราค่าครองชีพ

หลักฐานะสำคัญที่ต้องใช้ในการสมัครเรียน

นักศึกษาปริญญาตรีอื่น ๆ :  หลักฐานจบการศึกษาและคะแนนสอบ  หนังสือรับรองการผ่าน HSKระดับ C

นักศึกษาปริญญาโทและปริญญาเอก  : ได้รับปริญญาตรีหรือปริญญาโทแล้ว  ใบแสดงผลการเรียน หนังสือรับรองจากอาจารย์ระดับรองศาสตราจารย์ขึ้นไป 2 ท่าน สมัครสอบตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดหรือสอบผ่านตามที่กำหนด

นักศึกษาปริญญาตรี โท และเอกที่จะสมัครเรียนวิชาศิลปะ  ต้องนำเสนอรูปภาพหรือวีดิทัศน์เกี่ยวกับผลงานตนเอง  และหนังสือรับรองจากอาจารย์ผู้สอน

นักศึกษาที่จบจากประเทศจีน และต้องการศึกษาต่อ จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ

เอกสารที่ต้องจัดเตรียม

1) ใบสมัครเรียนต่อที่ประเทศจีนตามที่ฝ่ายจีนกำหนด

2) แบบฟอร์มบันทึกการตรวจสุขภาพของชาวต่างชาติ ตามมาตรฐานหน่วยงานสาธารณสุขของจีน

3) หลักฐานจบการศึกษาระดับสูงสุดและผลคะแนน

4) ผู้สมัครเรียนระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอก ต้องมีหนังสือรับรองจากอาจารย์ระดับรองศาสตราจารย์ (หรือเทียบเท่า) ขึ้นไป 2 ท่าน

5) ผู้สมัครเรียนด้วยตนเอง นอกจากเตรียมเอกสารข้างต้นแล้ว ยังอาจจะต้องมีหลักฐานรับรองฐานะการเงิน

เอกสารข้างต้นต้องเป็นภาษาจีนหรือภาษาอังกฤษ หรือมีสำเนาแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน แบบฟอร์มที่เกี่ยวข้องอาจขอรับได้ที่สถานทูตจีนประจำประเทศต่าง ๆ หรือมจากหาวิทยาลัยจีน

ระยะเวลาสมัครเรียน

โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างรัฐบาลสองประเทศ เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง30 เมษายน  ผู้สมัครต้องติดต่อสมัครเรียนกับหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง

ระยะเวลาสมัครเรียนภาคฤดูใบไม้ผลิของนักศึกษาโครงการแลกเปลี่ยนและนักศึกษาทุนตัวเองคือวันที่ถึง 15 กันยายน  15 ธันวาคม ส่วนระยะเวลาสมัครเรียนภาคฤดูใบไม้ร่วงคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ถึง15  มิถุนายน  รายละเอียดดูได้จากเอกสารที่แนะนำมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง…

(โปรดติดตามตอนต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายและทุน)


About Auther : กูรู สมเกียรติ เทียนทอง  (855 Posts)


Share this Story

Leave a Reply

You must be logged in to post a comment.

Translation

Englishภาษาไทย

คำค้น