การลงนามในความตกลงความร่วมมือด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาไทย-ไต้หวัน
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอดังนี้
1. การลงนามความตกลงความร่วมมือด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาไทย-ไต้หวัน ระหว่างสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยประจำไทเปและสำนักงานเศรษฐกิจวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย (Agreement on Educational Cooperation between the Thailand Trade and Economic Office in Taipei and the Taipei Economic and Cultural Office in Thailand)
2. ให้หัวหน้าสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยประจำไทเปเป็นผู้แทนฝ่ายไทยลงนามในความตกลงความร่วมมือด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาไทย-ไต้หวันร่วมกับผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย
3. ให้ ศธ. เปลี่ยนแปลงถ้อยคำในความตกลงดังกล่าวเท่าที่จำเป็น ซึ่งจะไม่ทำให้สารัตถะในความตกลงดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไป
4. ให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ศธ. เป็นหน่วยรับผิดชอบการดำเนินการภายใต้ความตกลงความร่วมมือด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาไทย-ไต้หวัน
สาระสำคัญของเรื่อง
ศธ. รายงานว่า
1. กระทรวงการศึกษาไต้หวันได้มีการตกลงว่า จะให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกแก่บุคลากรทางการศึกษาของไทยเป็นจำนวน 600 ทุน ภายในระยะเวลา 5 ปี ทุนการศึกษาในไต้หวันดังกล่าวจะครอบคลุมทุกสาขาวิชาที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศไทย รวมทั้งสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ และผู้รับทุนจะเข้าศึกษาในสาขาวิชาที่สถาบันอุดมศึกษาไต้หวันมีความเข้มแข็งทางวิชาการ และเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนางานวิจัยร่วมกัน ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวฝ่ายไต้หวันจะรับผิดชอบค่าธรรมเนียมการศึกษา ส่วนฝ่ายไทยจะร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางระหว่างประเทศ ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผู้รับทุน
2. ภายใต้หลักการ “จีนเดียว” ประเทศไทยไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน แต่อย่างไรก็ดี ไทยสามารถมีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ วิชาการ วัฒนธรรม และสังคมกับไต้หวันได้ ดังนั้น ความตกลงความร่วมมือด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาไทย-ไต้หวัน จึงไม่น่าจะมีข้อแย้งในประเด็นด้านความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับไต้หวันภายใต้หลักการ “จีนเดียว” และเป็นความตกลงที่น่าจะสนับสนุนได้ เพราะฝ่ายไทยจะได้รับประโยชน์ในการพัฒนาวงการศึกษาไทย และเป็นประโยชน์ต่อนักวิชาการ นักศึกษาและนักวิจัยไทย
3. วัตถุประสงค์ของความตกลงนี้กำหนดให้สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของไทยและไต้หวันมีความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ดังนี้
3.1 การแลกเปลี่ยนบุคลากรทางการศึกษา อาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย ผู้บริหารการศึกษาและนักศึกษา เพื่อศึกษาหลักสูตรระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษา อันจะเป็นประโยชน์ร่วมกันของภาคี การแลกเปลี่ยนดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนและการวิจัย ซึ่งทำให้เกิดผลงานทางวิชาการที่ทำร่วมกัน การตีพิมพ์ผลงานร่วมกัน หรือการศึกษาดูงาน
3.2 การให้ทุนการศึกษาสำหรับอาจารย์และนักศึกษาไปศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับการรับรองของภาคี
3.3 การสนับสนุนความร่วมมือในการจัดหลักสูตรร่วมระดับปริญญาตรี และบัณฑิตศึกษาระหว่างสถาบันอุดมศึกษาของภาคีในสาขาวิชาที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการ
3.4 การอำนวยความสะดวกในการฝึกอบรมให้แก่ผู้บริหารการศึกษาและบุคลากรทางการศึกษา
3.5 การศึกษารูปแบบของการถ่ายโอนหน่วยกิตระหว่างสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับการรับรองของภาคีและการยอมรับคุณวุฒิการศึกษาและปริญญาในระดับอุดมศึกษาระหว่างกัน
3.6 ความร่วมมือด้านการจัดการศึกษาที่บูรณาการการเรียนรู้กับการทำงาน (Work Integrated Learning) การเรียนรู้จากการทำงาน และสหกิจศึกษา
3.7 ความร่วมมือในการจัดนิทรรศการทางการศึกษา การสัมมนาทางวิชาการ การประชุมทางวิชาการในหัวข้อที่ภาคีมีความสนใจร่วมกัน การจัดการฝึกอบรม และการเข้าร่วมการประชุมและการอภิปรายทางการศึกษา
3.8 ความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ที่ภาคีให้ความเห็นชอบร่วมกัน
4. ความตกลงความร่วมมือด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาไทย-ไต้หวัน จะช่วยผลิตบัณฑิตระดับปริญญาโท ปริญญาเอก และนักวิจัยไทย ตามเป้าหมายการผลิตกำลังคนระดับสูงของประเทศทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น และการแลกเปลี่ยนนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญระหว่างไทยกับไต้หวันจะสามารถสนองตอบนโยบายรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมและพัฒนาบทบาทของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาของประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเพื่อสร้างและผลิตผลงานการวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ การส่งคณาจารย์ นักวิชาการและนักวิจัยไปศึกษาและทำงานวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาของไต้หวันที่มีวิทยาการและเทคโนโลยีที่ทันสมัยทัดเทียมกับประเทศตะวันตก จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการให้แก่การอุดมศึกษาไทย และช่วยสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทยกับไต้หวันให้แน่นแฟ้น ยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการประหยัดงบประมาณของประเทศในการส่งนักศึกษาไปศึกษาต่อในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ประเทศในยุโรป หรือออสเตรเลีย เนื่องจากมหาวิทยาลัยไต้หวันได้สร้างผลงานทางวิชาการที่เป็นที่ประจักษ์ของเวทีวิชาการนานาชาติ
–ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 ตุลาคม 2554–